xs
xsm
sm
md
lg

อนามัยโลกห่วงสถานการณ์โคโรนา ผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกพุ่งกระฉูดแซงจีน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ – อนามัยโลกระบุว่า โลกกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนลดฮวบ สวนทางกับในประเทศอื่นๆ ที่พุ่งทะยาน ด้านอเมริกามีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 6 คน ส่วนประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศสงครามกับโควิด-19

องค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คน และผู้ติดเชื้อกว่า 90,000 คนทั่วโลก เป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของวิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้ โดยที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศอื่นๆ รวมกันมีมากกว่าในจีนถึง 9 เท่า

ที่ผ่านมา จีนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการระบาดสั่งปิดเมืองและจำกัดการเดินทางเป็นวงกว้างอย่างเข้มงวด ซึ่งดูเหมือนมาตรการเหล็กเหล่านี้จะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะที่อิตาลีสั่งปิดเมืองหลายแห่ง ประเทศอื่นๆ ยังไม่มีการบังคับใช้การกักกันคนจำนวนมาก แต่เลือกที่จะขอร้องประชาชนและภาคเอกชนงดจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ เลื่อนการแข่งกีฬา และงดรับนักเดินทางจากประเทศที่มีการระบาดแทน ขณะเดียวกันก็มีรายงานระบุว่า ทวิตเตอร์แจ้งให้พนักงานทั่วโลกทำงานจากที่บ้าน

เกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลีกลายเป็นจุดร้อนของการระบาด โดยเฉพาะเกาหลีใต้ที่มีรายงานในวันอังคารว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 974 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด รวมมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 5,186 คน และผู้เสียชีวิต 34 คน

ประธานาธิบดีมุน แจ-อินของเกาหลีใต้ประกาศทำสงครามกับโรคไวรัสชนิดนี้ที่ทำให้ปอดอักเสบ ขณะที่การระบาดในเมืองแทกูและจังหวัดคย็องบุกถึงจุดสูงสุด พร้อมสั่งเพิ่มเตียงผู้ป่วยและหน้ากากอนามัย

มุนขอโทษสำหรับปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน และให้สัญญาช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ทางด้านนายกเทศมนตรีเมืองแทกูเผยว่า ได้ขอให้ประธานาธิบดีเพิ่มห้องพักฟื้น 3,000 ห้องเพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น

ในทางกลับกัน จีนพบผู้ติดเชื้อใหม่ 125 คน ต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาด รวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศราว 80,000 คน ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 31 คน เป็น 2,943 คน ในจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่มี 13 คนที่ติดเชื้อมาจากนอกประเทศ ซึ่งรวมถึงชาวจีน 8 คนที่ทำงานในร้านอาหารแห่งเดียวกันในแคว้นลอมบาร์ดีของอิตาลี ส่วนที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และมณฑลกวางตุ้งสั่งกักตัวผู้ที่เดินทางจากประเทศที่มีการระบาดรุนแรงนาน 14 วัน

เจ้าหน้าที่จีนยังโชว์ความคืบหน้าในการต่อสู้กับโควิด-19 และความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยการประกาศว่า มณฑล 19 แห่งเริ่มให้บริการรถประจำทางภายในมณฑลอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ (1 มี.ค.)

เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการฮูแถลงเมื่อวันจันทร์ว่า ไวรัสโคโรนาเป็นเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจที่ไม่เคยพบมาก่อนและสามารถติดต่อภายในชุมชน อย่างไรก็ตาม สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วยมาตรการที่ถูกต้องเหมาะสม

ทั้งนี้ การติดต่อภายในชุมชนหมายถึงการติดต่อภายในกลุ่มประชากร ไม่ใช่ติดต่อจากผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด

อเมริกากำลังเผชิญแนวโน้มการระบาดอย่างรวดเร็ว หลังพบผู้เสียชีวิตรวม 6 คนในรัฐวอชิงตัน ที่เจ้าหน้าที่เตือนประชาชนว่า การรับมือไวรัสโคโรนาเปลี่ยนจากการควบคุมเป็นการบรรเทาผลกระทบแล้ว ผู้เสียชีวิต 5 คนอยู่ในเทศมณฑลคิงที่มีประชากรกว่า 2 ล้านคนและเป็นที่ตั้งเมืองซีแอตเติล ฮับธุรกิจและการขนส่งสำคัญของอเมริกา

ทำเนียบขาวที่ถูกกล่าวหาว่า ดูแคลนภัยคุกคามจากโคโรนา ยังคงมั่นใจว่าจะรับมือวิกฤตนี้ได้ โดยรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ประกาศว่า จะมีวิธีรักษาภายในฤดูร้อนหรือต้นฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งน่าจะหมายถึงยาเรมเดซิเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่พัฒนาโดยบริษัทเวชภัณฑ์ จิลีด และขณะนี้ใช้รักษาผู้ป่วยอเมริกันคนหนึ่ง รวมทั้งอยู่ในสองขั้นตอนทดลองสุดท้ายในเอเชีย

เพนซ์ยังบอกว่า บริษัทยาหลายแห่งของอเมริกากำลังร่วมกันจัดตั้งกลุ่มกิจการเพื่อต่อสู้กับไวรัส ขณะที่เกาหลีใต้และอิตาลีเผยว่า จะคัดกรองผู้โดยสารเครื่องบินทุกคนที่ต้องการเดินทางไปอเมริกา

แม้มีโรงพยาบาลและศูนย์วิจัยระดับโลก แต่อเมริกาถูกมองว่า เสี่ยงที่จะเกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความสามารถในการเข้าถึงระบบสุขอนามัยของประชาชนแตกต่างกันอย่างมาก โดยมีชาวอเมริกันเกือบ 28 ล้านคนไม่มีความคุ้มครองด้านสุขภาพ

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เดินทางถึงอิหร่านเมื่อวันจันทร์ เพื่อให้ความช่วยเหลือในการรับมือการระบาดของโคโรนา โดยอิหร่านเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอันดับ 2 รองจากจีน ตัวเลขล่าสุดคือ 66 คน และผู้ติดเชื้อกว่า 1,500 คน

อิตาลี ประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในยุโรป มีผู้ติดเชื้อราว 1,700 คน และผู้เสียชีวิตเพิ่ม 18 คนในวันจันทร์ รวมเป็น 52 คน ทั้งนี้ อนามัยโลกระบุว่า ไวรัสโคโรนามีอัตราการเสียชีวิต 2-5% โดยกลุ่มเสี่ยงที่สุดคือผู้สูงวัยหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น