เอเอฟพี - จำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ จากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มเป็น 6 ศพในวันจันทร์ (2 มี.ค.) ทั้งหมดอยู่ในรัฐวอชิงตัน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พบปะกับเหล่าบริษัทยาชั้นนำ หารือเกี่ยวกับความพยายามพัฒนาวัคซีน ส่วนผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาเตือนซ้ำถึงความเสี่ยงของการสวมหน้ากากอนามัย
เหยื่อ 5 จาก 6 คน อยู่ในคิง เคาน์ตี ในรัฐที่มีพลเมืองหนาแน่นที่สุดของสหรัฐฯ และเป็นที่ตั้งของซีแอตเทิล เมืองที่มีประชากรมากกว่า 700,000 คน ส่วนเหยื่อรายที่ 6 อยู่ในสโนโฮมิช เคาน์ตี “ความเสี่ยงที่ทุกคนจะติดเชื้อเริ่มมีมากขึ้น” เจฟฟ์ ดูชิน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคิง เคาน์ตี กล่าว “แม้เคสส่วนใหญ่จะมีอาการแค่เล็กน้อยหรือปานกลาง แต่การติดเชื้อสามารถก่อให้เกิดการป่วยรุนแรงและมีความเป็นไปได้จะมีคนจำนวนมากล้มป่วยในเวลาเดียวกัน”
ขณะเดียวกัน รัฐวอชิงตันยังได้รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 4 ราย ในนั้น 3 คนมาจากบ้านพักคนชราแห่งเดียวกัน ส่งผลให้ยอดรวมของผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มเป็นมากกว่า 90 คน ซึ่งครึ่งนั้นเป็นบุคคลที่กลับมาจากจีน หรือไม่ก็มาจากเรือสำราญที่จอดเทียบนอกชายฝั่งญี่ปุ่น
ดาว คอนสแตนติน เจ้าหน้าที่ระดับสูงในคิง เคาน์ตี เผยว่า รัฐบาลของเขากำลังเจรจาขอซื้อโมเต็ลแห่งหนึ่งซึ่งจะใช้เป็นที่พักของคนที่อยู่ภายใต้มาตรการกักกันโรค พร้อมระบุว่า “เราจำเป็นต้องเคลื่อนเข้าสู่ขั้นใหม่ในการต่อสู้เพื่อยับยั้ง บรรเทา และควบคุมโรคระบาดนี้”
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เตือนว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่ไวรัสจะแพร่ระบาดในนิวยอร์ก หลังยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อรายแรกของรัฐ เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เคยเดินทางไปเยือนอิหร่าน “ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าจะมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น นี่คือนิวยอร์ก เราคือประตูสู่โลก” เขากล่าว “ผู้คนจะมีผลตรวจออกมาเป็นบวก ไม่ใช่คนหรือสองคน แต่จะมีคนมากมายที่ผลตรวจออกมาเป็นบวก”
คูโอโมบอกว่า ผู้หญิงวัย 39 ปีรายนี้ ถูกพบว่ามีผลตรวจออกมาเป็นบวกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เธอมีอาการไข้แค่เล็กน้อยและกำลังฟื้นตัวอยู่ที่บ้านภายใต้มาตรการกักกันตนเอง อย่างไรก็ตาม คาดหมายว่าสามีของเธอก็จะมีผลตรวจออกมาเป็นบวกเช่นกัน
เขาบอกต่อว่า พลเมืองแมนฮัตตันรายนี้ทราบถึงสถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี และนั่งรถยนต์ส่วนตัวจากสนามบินกลับไปบ้านในวันอังคารที่แล้ว “เธอทำทุกอย่างตามตำรา เราไม่เชื่อว่าเธอแพร่เชื้อบนเครื่องบินหรือในรถ”
ในวอชิงตัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบปะกับเหล่าบริษัทยาชั้นนำที่ทำเนียบขาว เพื่อหารือเกี่ยวกับความพยายามพัฒนาวัคซีคโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “มีความคืบหน้า!” ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์ก่อนการพูดคุย
ทั้งนี้ ในวันจันทร์เช่นกัน เจอโรม อดัมส์ นายแพทย์ใหญ่สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ เตือนว่า การสวมหน้ากากอนามัยแม้ที่จริงแล้วอาจเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ “คนทั่วไปไม่รู้ถึงวิธีสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง มีแนวโน้มที่จะสัมผัสกับใบหน้าตนเองบ่อยครั้ง ซึ่งที่จริงแล้วมันเพิ่มความเสี่ยงแพร่เชื้อโคโรนาไวรัส”
ก่อนหน้าเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐฯ เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 โดยอ้างการเปิดเผยของ ศาสตราจารย์อีไล เปเรนเซวิช ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันโรคติดต่อ และศาสตราจารย์ด้านเวชกรรมและระบาดวิทยาของวิทยาลัยแพทย์มหาวิทยาลัยไอโอวา โดยเขาเรียกร้องไม่ให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยโดยไม่จำเป็น
ศาสตราจารย์เปเรนเซวิช ระบุว่า คนสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากใดๆ เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนา ต่อให้มีผู้ติดเชื้ออยู่ข้างบ้านก็ตาม และไม่เพียงไม่จำเป็นเท่านั้น ยังไม่ควรใส่ด้วย เพราะไม่มีหลักฐานว่าหน้ากากจะช่วยปกป้องพวกเขาได้ หากพวกเขาใส่อย่างไม่ถูกต้องจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อขึ้นอีก เพราะพวกเขาจะแตะต้องใบหน้าของตัวเองบ่อยขึ้น
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เปเรนเซวิชย้ำว่า การใส่หน้ากากไม่ใช่ทำเพื่อหยุดไม่ให้ไวรัสเข้าปากหรือจมูกของคนใส่ ไวรัสโควิด-19 ติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่ง ไม่ใช่ทางอากาศ หมายความว่าคุณไม่สามารถที่จะสูดมันเข้าไปได้ หน้ากากอนามัยออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งออกไปจากคนใส่ และมีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้ผู้ใส่ไปทำให้คนอื่นติดโรค