หัวเว่ยแพ้คดีค้านคำสั่งห้าม “หน่วยงานสหรัฐฯ” ซื้อสินค้าบริษัท

เอเอฟพี – วอชิงตันมีสิทธิขัดขวางไม่ให้หน่วยงานส่วนกลางของสหรัฐฯ จัดซื้อสินค้าของหัวเว่ยด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ผู้พิพากษาตัดสิน ปัดตกคำทักท้วงทางกฎหมายของยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีนต่อคำสั่งห้ามจัดซื้อ

หัวเว่ยยื่นคำทักท้วงเมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้ว โดยอ้างว่า สภาคองเกรสไม่ได้นำเสนอหลักฐานสนับสนุนกฎหมายดังกล่าวที่ห้ามไม่ให้หน่วยงานรัฐบาลจัดซื้ออุปกรณ์ บริการ หรือร่วมงานกับบุคคลที่สามที่เป็นลูกค้าของหัวเว่ย

ข้อพิพาทนี้เป็นหนึ่งในหลายประเด็นในสงครามการค้าระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน ซึ่งกล่าวหาหัวเว่ยว่าขโมยความลับทางการค้าจากบริษัทอเมริกัน และเตือนเหล่าพันธมิตรว่า อุปกรณ์ของบริษัทนี้อาจถูกใช้เพื่อสอดแนมประเทศอื่นๆ

หัวเว่ยปฏิเสธข้อหาดังกล่าว และกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า พยายามกีดกันหัวเว่ยไม่ให้ทำธุรกิจด้วยการจำกัดการเข้าถึงตลาดอเมริกันอย่าง “ผิดรัฐธรรมนูญ”

อย่างไรก็ตาม คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ในวันอังคาร (18) ระบุว่า การทำสัญญากับรัฐบาลกลางไม่ได้เป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ


คำสั่งห้ามดังกล่าวยังมี "ความชอบธรรม" ในระหว่างที่รัฐสภากำลังสืบสวน “ภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติ” เอมอส แมซแซนท์ ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ เขียน

หัวเว่ย ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขาผิดหวังกับคำตัดสิน และจะพิจารณาตัวเลือกทางกฎหมายอื่นๆ ต่อไป

วอชิงตันมองว่าหัวเว่ยอาจเป็นภัยคุกคามความมั่นคง เนื่องจากภูมิหลังของผู้ก่อตั้งบริษัท เหริน เจิ้นเฟย อดีตวิศวกรกองทัพจีน

สหรัฐฯ เตือนว่า ระบบของหัวเว่ยอาจถูกชักใยโดยปักกิ่งเพื่อดำเนินการจารกรรมและรบกวนการติดต่อสื่อสารที่สำคัญในต่างประเทศ และกำลังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ หลีกเลี่ยงบริษัทนี้

ความกังวลต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่หัวเว่ยกลายเป็นผู้นำโลกในด้านอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมและหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำ เทียบเท่าซัมซุงและแอปเปิล

อย่างไรก็ตาม บริษัทนี้คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกเครือข่าย 5G ความเร็วสูงที่มีความจำเป็นต่อการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์

อุปกรณ์ของหัวเว่ยถูกมองว่ามีความก้าวหน้ากว่าคู่แข่งวงการ 5G อย่างมาก เช่น อีริคสันของสวีเดน หรือโนเกียของฟินแลนด์ ขณะที่ในสหรัฐฯ ไม่มีบริษัทใดถูกมองว่าเป็นคู่แข่งรายสำคัญ