เอเจนซีส์ - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาทหารจีน 4 นายเกี่ยวข้องกับการเจาะฐานข้อมูล อิควิแฟกซ์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อยักษ์ใหญ่ของอเมริกา และขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกันราว 145 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในการละเมิดข้อมูลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ด้านปักกิ่งอ้างไม่มีส่วนรู้เห็น ย้ำตนเองต่างหากที่เป็นเหยื่อการโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ของอเมริกา
ทหารทั้ง 4 นายสังกัดสถาบันวิจัยที่ 54 ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) ถูกตั้งข้อหาเจาะระบบข้อมูล ฉ้อโกงผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สอดแนมข้อมูลเศรษฐกิจ และฉ้อโกงผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นปฏิบัติการขุดรากถอนโคนการสอดแนมของจีนครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งของอเมริกา โดยนับจากพุ่งความสนใจไปที่ปักกิ่งในปี 2018 อเมริกาสามารถวางกับดักจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐ นักธุรกิจ และนักวิชาการจีนจำนวนมากที่พยายามขโมยความลับของอเมริกา สำหรับกรณีล่าสุด เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ใช้เวลานับปีในการแกะรอยผ่านเซิร์ฟเวอร์ 34 ตัวใน 20 ประเทศที่ผู้ต้องหาเหล่านั้นใช้เพื่อปิดบังตำแหน่งที่ตั้งที่แท้จริง
บิลล์ บาร์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ว่าการกระทำเหล่านี้เป็นการโจรกรรมข้อมูลอ่อนไหวของชาวอเมริกันเกือบครึ่งประเทศ รวมถึงการโจรกรรมผลงานจากความพากเพียรพยายามและสินทรัพย์ทางปัญญาของบริษัทอเมริกันแห่งหนึ่งอย่างเป็นระบบและไร้ยางอายโดยหน่วยงานของกองทัพจีน
การแฮ็กข้อมูลของทหารจีน 4 นายนี้ สร้างความงงงันให้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอเมริกันอย่างยิ่ง โดยเกิดขึ้นหลังจากกรณีการเจาะฐานข้อมูลบริการพลเรือนของสำนักงานการจัดการบุคลากร (โอพีเอ็ม) ในปี 2015 ซึ่งเชื่อว่าจีนอยู่เบื้องหลัง และทำให้แฮ็กเกอร์เหล่านั้นสามารถเข้าถึงชื่อ หมายเลขประกันสังคม และที่อยู่ของลูกจ้างและพนักงานสัญญาจ้างของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งในอดีตและปัจจุบันกว่า 22 ล้านคน รวมถึงลายนิ้วมืออีก 5.6 ล้านรายการ
ธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ แมร์ริออตต์ ถูกเจาะข้อมูลลูกค้าทั่วโลกราว 500 ล้านคน ก็เชื่อว่า เป็นฝีมือแฮ็กเกอร์จีนเช่นเดียวกัน โดยทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า หน่วยงานการทหารและความมั่นคงของจีนกำลังรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกันเพื่อวัตถุประสงค์ในด้านข่าวกรอง ภายหลังการเจาะระบบข้อมูลของโอพีเอ็ม อเมริกาเริ่มกังวลว่า ปักกิ่งอาจใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อระบุตัวสายลับอเมริกันที่แฝงตัวในบทบาทหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวกรอง
อิควิแฟกซ์คือ 1 ใน 3 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือยักษ์ใหญ่ที่เก็บรวบรวมข้อมูลทางการเงินของชาวอเมริกันทั้งหมด เช่น บัตรเครดิต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมการธนาคาร ซึ่งมาพร้อมข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เช่น ที่อยู่ และหมายเลขประกันสังคม โดยทางแฮ็กเกอร์ฉวยโอกาสจากข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ อาปาเช สตรัตส์ ที่อิควิแฟกซ์ใช้ เนื่องจากเมื่ออาปาเชแจ้งปัญหาให้ลูกค้าทราบในเดือนมีนาคม 2017 อิควิแฟกซ์กลับไม่แก้ไขอยู่นานหลายเดือน เปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์เจาะเข้าระบบอย่างง่ายดาย
เจ้าหน้าที่สอบสวนของสหรัฐฯ เผยว่า จีนใช้ช่องทางเข้ารหัสรันคำถาม 9,000 คำถามผ่านระบบการคำนวณของอิควิแฟกซ์เพื่อรับ แบ่ง บีบอัด และขโมยข้อมูลออกจากระบบแบบบิตต่อบิต และเจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ผู้ต้องสงสัยกบดานอยู่ในจีนขณะนี้ ซึ่งนอกเหนือจากข้อมูลของชาวอเมริกันแล้ว แฮ็กเกอร์ยังเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอังกฤษและแคนาดาเกือบ 1 ล้านคน
บาร์เสริมว่า ขณะที่หลายประเทศรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเพื่อเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ มีแต่จีนเท่านั้นที่รวบรวมข้อมูลมากมายมหาศาลเกี่ยวกับพลเรือน รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ยังทิ้งท้ายว่า ข้อมูลเหล่านั้นมีค่าทางเศรษฐกิจ และการโจรกรรมข้อมูลอาจช่วยส่งเสริมจีนในการพัฒนาเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ ตลอดจนถึงการสร้างระบบที่พุ่งเป้าไปยังข่าวกรอง
ต่อมาในวันอังคาร (11 ก.พ.) เกิง ฉวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวตามปกติว่า รัฐบาลและกองทัพจีนไม่เคยเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมการโจรกรรมข้อมูลลับทางการค้าทางอินเทอร์เน็ต แต่ต่อต้านและกวาดล้างการโจมตีทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ รวมทั้งยังเป็นผู้ปกป้องความมั่นคงทางไซเบอร์ตัวจริง พร้อมสำทับว่า จีนต่างหากที่เป็นเหยื่อการโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ของอเมริกา