วุฒิสภาสหรัฐฯ คว่ำญัตติเบิกพยาน-หลักฐานใหม่ คาด ‘ทรัมป์’ หลุดคดีถอดถอนสัปดาห์หน้า

รอยเตอร์ - วุฒิสภาสหรัฐฯ โหวตคัดค้านการเบิกตัวพยานและหลักฐานใหม่ๆ ในการไต่สวนบทบัญญัติว่าด้วยการถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) และคาดว่าจะมีการลงมติให้ ทรัมป์ พ้นผิดในสัปดาห์หน้า

วุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากลงมติ 51 ต่อ 49 เสียงคัดค้านญัตติของฝ่ายเดโมแครตที่ขอให้มีการเรียกเอกสารและเบิกตัวพยานเพิ่ม โดยเฉพาะ จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกรณีที่ ทรัมป์ ขู่ระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อรัฐบาลยูเครนเพื่อกดดันให้ตรวจสอบ โจ ไบเดน ผู้สมัครประธานาธิบดีตัวเต็งของเดโมแครต

พฤติกรรมดังกล่าวทำให้ ส.ส.เดโมแครตซึ่งกุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรลงมติถอดถอน ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส ซึ่ง ทรัมป์ ถือเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ถูกสภาล่างลงมติถอดถอน

ทรัมป์ ยืนกรานปฏิเสธข้อครหาทั้งหมด และประณามพรรคเดโมแครตว่าจงใจ “ก่อรัฐประหาร”

วุฒิสภาสหรัฐฯ ยังได้กำหนดกรอบเวลาในการไต่สวน โดยจะมีการลงมติครั้งสุดท้ายในวันพุธที่ 5 ก.พ. เวลา 16.00 น. EST ซึ่งจะตรงกับ 4.00 น. ของวันพฤหัสบดี (6) ตามเวลาในประเทศไทย และคาดว่า ทรัมป์ น่าจะ “พ้นผิด” เกือบแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ การถอดถอนประธานาธิบดีจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสภาอย่างน้อย 2 ใน 3 ทว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มี ส.ว.รีพับลิกันคนใดจากทั้งหมด 53 คนที่แสดงเจตจำนงโค่น ทรัมป์

สำหรับ ไบเดน นั้นเป็นผู้สมัครตัวเต็งที่คาดว่าจะคว้าตำแหน่งผู้แทนพรรคเดโมแครตลงดวลกับ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พ.ย. นี้

มิตต์ รอมนีย์ และ ซูซาน คอลลินส์ เป็นวุฒิสมาชิกรีพับลิกันเพียง 2 คนที่หันไปโหวตสนับสนุนญัตติเรียกสอบพยานเพิ่มของฝ่ายเดโมแครต ขณะที่ ชัค ชูเมอร์ แกนนำ ส.ว.เดโมแครตเสียงข้างน้อย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการโหวตว่า “นี่คือวันอันโชคร้ายที่ชาวอเมริกันจะต้องจดจำ” พร้อมตำหนิวุฒิสภาว่าไม่รักษาหน้าที่และเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง

การโหวตคว่ำญัตติเรียกพยานในวุฒิสภามีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สตีแผ่เนื้อหาจากต้นฉบับหนังสือ ‘The Room Where It Happened’ ของ จอห์น โบลตัน ผู้ซึ่งอ้างว่าเคยถูก ทรัมป์ สั่งให้ไปกดดันรัฐบาลยูเครนเพื่อดำเนินการสอบสวนในสิ่งที่จะเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้แก่ ทรัมป์

โบลตัน อ้างว่า ทรัมป์ เคยสั่งให้ตนโทรหาประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เพื่อนัดหมายให้ เซเลนสกี พบกับ รูดี จูลิอานี ทนายส่วนตัวของทรัมป์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญในแคมเปญเล่นงาน ไบเดน

โรเบิร์ต คอสเตลโล ทนายของจูลิอานี ให้สัมภาษณ์ว่ารายงานของนิวยอร์กไทม์ส “ไม่มีความจริงเลยแม้แต่น้อย” ขณะที่ทนายและโฆษกของ โบลตัน ยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น

ก่อนหน้านั้น นิวยอร์กไทม์สอ้างว่า โบลตัน ได้เขียนไว้ในหนังสือดังกล่าวว่า ทรัมป์ ต้องการระงับเงินช่วยเหลือทางทหารจำนวน 391 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนกว่ารัฐบาลเคียฟจะยอมขุดคุ้ยความผิดของคนในพรรคเดโมแครต โดยเฉพาะ ไบเดน และบุตรชาย ‘ฮันเตอร์’ ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานในยูเครน

พรรคเดโมแครตอ้างว่า ข่าวที่ออกมาสะท้อนถึงความจำเป็นที่วุฒิสภาจะต้องเรียก โบลตัน เข้าให้การภายใต้คำสาบาน แต่ปรากฏว่า ส.ว.รีพับลิกันไม่เห็นด้วย และบ้างก็ว่า ทรัมป์ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ขณะที่บางคนเช่น ลามาร์ อเล็กซานเดอร์ และ ร็อบ พอร์ตแมน มองว่าการกระทำของ ทรัมป์ อาจจะผิด แต่ก็ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องโดนถอดถอน

.