เอเจนซีส์ - เกิดเหตุเครื่องบินขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมดับไฟป่าออสเตรเลีย ตกโหม่งโลกทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในวันพฤหัสบดี (23) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ขณะเดียวกันท่าอากาศยานในกรุงแคนเบอร์รา ประกาศระงับการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เครื่องบินดับเพลิง ขณะที่ไฟป่าลามเข้าใกล้เมืองหลวงของแดนจิงโจ้
เชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ หัวหน้าสำนักงานดับเพลิงชนบทรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ของออสเตรเลีย แถลงว่า ทางการไม่สามารถติดต่อเครื่องบินลำเลียงแบบซี-130 เฮอร์คิวลิส ลำดังกล่าวของแคนาดาได้ ในช่วงเวลาก่อน 13.30 น. เล็กน้อย ขณะที่อากาศยานใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ทิ้งสารหน่วงไฟลำนี้ กำลังปฏิบัติภารกิจช่วยดับไฟป่าในเขตสโนวี โมนาโร
เขาเสริมว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คนที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้เป็นคนอเมริกันทั้งหมด โดยสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่ส่งทีมนักดับเพลิงที่เชี่ยวชาญไปช่วยออสเตรเลียต่อสู้กับไฟป่า และเหตุการณ์นี้ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตนับจากที่ไฟป่าปะทุขึ้นในเดือนกันยายนปีที่แล้วเพิ่มเป็นอย่างน้อย 32 คน
ฟิตซ์ซิมมอนส์สำทับว่า ยังไม่รู้สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก โดยรายงานเบื้องต้นพบว่า เกิดลูกไฟขนาดใหญ่ตอนที่เครื่องกระแทกพื้นดินอย่างแรง แต่ก่อนหน้านั้นเขาแถลงว่า สภาพอากาศที่มีลมกรรโชกแรง สร้างปัญหาให้แก่เครื่องบินขนาดใหญ่เช่นนี้
ด้านสำนักงานความปลอดภัยในการขนส่งของออสเตรเลียได้ส่งทีมสอบสวนไปยังจุดที่เครื่องบินตกแล้วเพื่อเก็บหลักฐาน และจะวิเคราะห์ข้อมูลกล่องดำ ตรวจสอบข้อมูลสภาพอากาศ และสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ โดยคาดว่า จะสามารถเปิดเผยรายงานเบื้องต้นได้ภายใน 30 วัน แต่หากพบปัญหาความปลอดภัยสำคัญจะแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที
เกลดิส เบเรจิกเลียน นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ตอกย้ำให้เห็นภารกิจสุดอันตรายของทีมดับเพลิงที่กำลังต่อสู้กับไฟป่าขนาดใหญ่ที่ลุกลามทั่วพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลียขณะนี้
ปกติแล้วเครื่องบินทิ้งสารหน่วงไฟขนาดใหญ่จะบรรทุกน้ำหรือสารหน่วงไฟ15,000 ลิตร
โคลสัน เอวิเอชันของแคนาดาซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องบินลำที่ตก สั่งระงับปฏิบัติการของเครื่องบินทิ้งสารหน่วงขนาดใหญ่ทั้งหมดของบริษัทในรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรียเพื่อตรวจสอบเครื่องบิน รวมทั้งจะส่งทีมลงพื้นที่ที่เครื่องบินตกเพื่อให้ความช่วยเหลือในปฏิบัติการฉุกเฉิน
เวลาเดียวกัน โฆษกท่าอากาศยานกรุงแคนเบอร์ราเผยว่า เที่ยวบินไปยังและออกจากเมืองหลวงของออสเตรเลียแห่งนี้ จะระงับการให้บริการตั้งแต่เที่ยงวันพฤหัสบดี (23) เพื่อเปิดทางให้เครื่องบินดับเพลิงทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่มีการระงับการให้บริการสายการบินพาณิชย์ในสนามบินแห่งนี้
ขณะที่สำนักงานบริการฉุกเฉินของแคนเบอร์ราแถลงว่า สาเหตุที่ต้องปิดท่าอากาศยานเนื่องจากสภาพการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ไม่มีการอพยพคนออกจากสนามบิน แต่เจ้าหน้าที่เพียงให้ความช่วยเหลือประชาชนเดินทางกลับเข้าเมืองด้วยรถบัส
สภาพอากาศที่กลับมาร้อนระอุควบคู่กับลมกรรโชกที่ปกคลุมหลายพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย ทำให้ไฟป่ากลับมาลุกลามอีกครั้งหลังซาลงในช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ที่มีฝนตกและอากาศเย็น
ช่วงก่อนเที่ยงวันพฤหัสฯ ทางการยังประกาศยกระดับไฟป่าที่ลุกลามเกินการควบคุมทางด้านใต้ของท่าอากาศยานแคนเบอร์ราเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมเตือนประชาชนใน 3 พื้นที่ที่อยู่ในเส้นทางไฟป่าว่า สายเกินกว่าจะอพยพออกมาแล้วและขอให้หาที่หลบภัยทันที
หลังจากนั้นไม่นานไฟป่าบริเวณดังกล่าวลามไปรวมกับไฟป่าอีกจุดที่อยู่ในระดับเกินควบคุมทางด้านตะวันตกของสนามบิน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 379 เฮกตาร์
วิกฤตไฟป่าออสเตรเลียครั้งนี้นอกจากมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 30 คน ยังทำให้สัตว์ป่าราว 1,000 ล้านตัวล้มตาย บ้านเรือน 2,500 หลังถูกไฟไหม้เป็นเถ้าถ่าน รวมพื้นที่ที่ถูกเผาเท่ากับ 1 ใน 3 ของประเทศเยอรมนี