คนรุ่นมิลเลนเนียล (อายุ 20-35 ปี) เกือบครึ่งหนึ่งมองว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของพวกตน และเกินกว่าครึ่งเชื่อว่า การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จะเกิดขึ้นภายในระยะ 10 ปีข้างหน้านี้ ทั้งนี้ตามรายงานการสำรวจความคิดเห็นของผู้คนรุ่นนี้ใน 16 ประเทศทั่วโลก โดยคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC)
รายงานซึ่งเผยแพร่ออกมาในสัปดาห์นี้ เป็นผลการสำรวจทัศนคติของคนรุ่นมิลเลนเนียลมากกว่า 16,000 คน ซึ่งอาศัยอยู่ใน 16 ประเทศ ที่มีทั้งประเทศที่มีสงครามและที่ปราศจากสงคราม โดยปรากฏว่าผู้ตอบคำถาม 47% คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ในช่วงชีวิตของพวกเขา และขณะที่ 84% เห็นว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ รวมทั้งร้อยละ 54 ต้องการให้ห้ามการใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ 54% ยังคงเชื่ออยู่ดีว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ภายใน 10 ปีข้างหน้า
“การที่คนรุ่นมิลเลนเนียลมีความหวาดหวั่นกันเช่นนี้ อาจจะเป็นภาพสะท้อนของการที่มีความแตกแยกทางทัศนคติกันมากขึ้น และวาทกรรมที่ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ก็กำลังขยายตัว” ปีเตอร์ เมาเรอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ กล่าว
เมาเรอร์ชี้ด้วยว่า หากคนรุ่นมิลเลนเนียลคาดการณ์ถูกในเรื่องการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แล้ว แน่นอนว่าความเจ็บปวดของประเทศและภูมิภาคต่างๆ จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และนี่เป็นสิ่งที่เตือนว่า การเคารพและปฏิบัติตามกฎแห่งสงครามซึ่งช่วยปกป้องมวลมนุษยชาตินั้น เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ถึงแม้คนรุ่นอายุ 20-35 ปีเหล่านี้จำนวนมากมีความหวั่นเกรงเกี่ยวกับสงครามใหญ่ตลอดจนการใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่การสำรวจพบด้วยว่ามี 74% ยังคงเห็นว่าสงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ และ 75% คิดว่าควรมีการจำกัดขอบเขตของวิธีการทำสงคราม
อย่างไรก็ดี ICRC แสดงความวิตกว่าผลการสำรวจคราวนี้ชี้ให้เห็นถึงกระแสการขาดความเคารพต่อคุณค่าความเป็นมนุษย์ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ โดยที่ร้อยละ 37 เชื่อว่าการทรมานเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในบางสถานการณ์ ถึงแม้จะมีการอธิบายถึงอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน (UN convention banning torture) ให้รับทราบกันแล้วก็ตาม และร้อยละ 15 เห็นว่าผู้บังคับบัญชาทหารสามารถใช้วิธีการใดก็ได้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะโดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนพลเรือนที่จะต้องบาดเจ็บล้มตาย
ในอีกด้านหนึ่ง ผลสำรวจแสดงว่าประสบการณ์จากสงครามทำให้ผู้คนชิงชังสงคราม เป็นต้นว่า ในซีเรีย 98%ระบุว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ 96%ไม่ยอมรับการใช้อาวุธเคมี 96%ไม่ยอมรับการใช้อาวุธชีวภาพ และ 85%เชื่อว่านักรบฝ่ายตรงข้ามที่ถูกจับกุมเป็นเชลยควรได้รับอนุญาตให้ติดต่อญาติพี่น้องได้
“เมื่อคุณเห็นเพื่อนและครอบครัวเจ็บปวดจากสงคราม คุณจะไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับมันแม้แต่นิดเดียว ผลสำรวจนี้ชี้ชัดในกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลในซีเรีย ยูเครน และอัฟกานิสถาน ซึ่งยืนยันข้อเท็จจริงชัดเจนที่ว่า ประสบการณ์จากสงครามทำให้คุณชิงชังมัน” เมาเรอร์ ประธาน ICRC กล่าว
การสำรวจของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศคราวนี้ จัดทำโดยบริษัทจัดทำโพล “อิปซอส” (Ipsos) โดยได้ใช้วิธีการหลากหลายในการสัมภาษณ์คนรุ่นอายุ 20-35 ปีจำนวนกว่า 16,000 คน ที่อาศัยอยู่ใน 16 ประเทศ คือ อัฟกานิสถาน โคลัมเบีย ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย อิสราเอล มาเลเซีย เม็กซิโก ไนจีเรีย ปาเลสไตน์ รัสเซีย อัฟริกาใต้ ซีเรีย สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ยูเครน และสหรัฐอเมริกา ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 7 ตุลาคม 2019
