นายกฯ มาเลย์แนะ! ประเทศมุสลิมควรสามัคคีกัน หลังนายพลอิหร่านถูกสังหาร

รอยเตอร์ – ประเทศมุสลิมควรสามัคคีกันเพื่อปกป้องตนเองจากภัยคุกคายภายนอก นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮาหมัด ของมาเลเซีย กล่าวในวันอังคาร (7) หลังจากบอกว่าการสังหารผู้บัญชาการทหารอิหร่าน กัสเซ็ม สุไลมานี ของสหรัฐฯ นั้นขัดต่อศีลธรรม

นายกรัฐมนตรีอายุมากที่สุดในโลกที่เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ได้กระตุ้นความตึงเครียดทางการทูตด้วยการพูดประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลกมุสลิม ยังกล่าวด้วยว่า การโจมตีสุไลมานีด้วยโดรนของสหรัฐฯ ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ

การสังหารสุไลมานีในกรุงแบกแดดเมื่อวันศุกร์ (3) ก่อให้เกิดความกลัวว่าความขัดแย้งจะขยายตัวในตะวันออกกลาง มหาเธร์ วัย 94 ปี กล่าวว่า มันอาจทำให้เกิดการก่อการร้ายเพิ่มขึ้น

“ถึงเวลาแล้วที่ประเทศมุสลิมต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน” มหาเธร์ บอกผู้สื่อข่าว

“พวกเราไม่ปลอดภัยอีกแล้ว ณ ตอนนี้ หากใครดูหมิ่นหรือพูดสิ่งที่บางคนไม่ชอบ อาจมีคนจากอีกประเทศส่งโดรนมายิงผม”

คนราว 50 คนรวมถึงผู้หญิงในชุดบรูการวมตัวนอกสถานทูตอิหร่านในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย เพื่อตะโกนว่า “สหรัฐฯ จงสูญสิ้น”

มหาเธร์พยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับอิหร่าน ถึงแม้ว่าประเทศตะวันออกกลางนี้จะถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ก็ตาม ชาวอิหร่านราว 10,000 คนอาศัยอยู่ในแดนเสือเหลือง

เมื่อเดือนที่แล้ว มหาเธร์เป็นเจ้าภาพต้อนรับประธานาธิบดี ฮัสซัน โรฮานี ขอิงอิหร่านในการประชุมผู้มุสลิมในมาเลเซีย ซึ่งพวกเขาคุยเรื่องการส่งเสริมธุรกิจ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินของกันและกัน และการไล่ตามประเทศนอกกลุ่มมุสลิม

ความคิดเห็นเมื่อไม่นานมานี้ของมหาเธร์เกี่ยวกับการปฏิยัติต่อชาวมุสลิมในอินเดียและคำวิจารณ์องค์การความร่วมมืออิสลามทำให้ความสัมพันธ์ของมาเลเซียกับทั้งนิวเดลีและริยาดคุกรุ่น

“ผมพูดความจริง” มหาเธร์ กล่าว “คุณทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมคิดว่าผมมีสิทธิวิจารณ์”