รอยเตอร์ - มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาย้ำหนักแน่นในวันจันทร์ (6 ม.ค.) ว่ากองทัพอเมริกันจะไม่ละเมิดกฎหมายสงคราม หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะโจมตีแหล่งวัฒนธรรมของอิหร่าน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม เอสเปอร์ ว่าพร้อมที่จะล็อคเป้าโจมตีสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของอิหร่านจริงหรือไม่ ซึ่งบอสเพนตากอนตอบว่า “เราจะปฏิบัติตามกฎหมายสงคราม”
เมื่อสื่อถามย้ำอีกว่า เขาจะไม่โจมตีสถานที่เหล่านั้นเนื่องจากเข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงครามใช่หรือไม่ เอสเปอร์ ก็ตอบว่า “นั่นคือกฎหมายสงคราม” และไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ การใช้กำลังทหารทำลายแหล่งวัฒนธรรมถือเป็นอาชญากรรมสงครามตามกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งยังเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติปี 2017 ที่รัฐบาลทรัมป์ให้การสนับสนุน รวมถึงอนุสัญญากรุงเฮกปี 1954 ที่ว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรม
ปฏิบัติการโดรนของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ม.ค.) ส่งผลให้ พล.อ.กาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ (Quds) ของอิหร่านเสียชีวิต และกระพือความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติคู่อริจนถึงขั้นที่หลายฝ่ายเกรงจะเกิดสงครามเต็มรูปแบบ
สหรัฐฯ อ้างว่าการปลิดชีพ โซไลมานี นั้นเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนเอง เนื่องจากนายพลผู้นี้กำลังมีแผนโจมตีบุคลากรและทรัพย์สินของอเมริกาในตะวันออกกลาง
หลังจากที่อิหร่านออกมาประกาศจะแก้แค้นให้โซไลมานี ผู้นำสหรัฐฯ ก็ได้ทวีตข้อความขู่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ว่า อเมริกาพร้อมล็อคเป้าโจมตีสถานที่ต่างๆ ในอิหร่านรวม 52 แห่ง รวมถึงบางแห่งซึ่ง “มีความสำคัญในเชิงวัฒนธรรมอย่างยิ่ง” หากอิหร่านกล้าทำอันตรายต่อพลเมืองหรือทรัพย์สินของสหรัฐฯ
“คนพวกนั้นได้รับไฟเขียวให้ฆ่าคนของเรา พวกเขาได้รับอนุญาตให้ทรมานและตัดแขนขาพลเมืองของเรา พวกเขาสามารถซุกระเบิดเอาไว้ข้างถนนเพื่อโจมตีคนของเราได้ แล้วเราจะไม่มีสิทธิ์แตะต้องสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของพวกเขาหรือ? ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ทรัมป์ บอกกับสื่อมวลชนเมื่อวันอาทิตย์ (5)