รอยเตอร์ - คาร์ลอส กอส์น อดีตประธานนิสสัน กล่าวอ้างในวันพฤหัสบดี(2ม.ค.) ว่าเขาจัดฉากการหลบหนีประกันออกนอกญี่ปุ่นเพียงลำพัง ในขณะที่มหาเศรษฐียานยนต์รายนี้สำเริงสำราญกับเสรีภาพในวันแรก ๆ ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน แม้ถูกตำรวจสากลออกหมายแดง
กอส์น กลายเป็นผู้หลบหนีข้ามชาติ หลังลอบบินไปยังเบลานอน หลบหนีสิ่งที่เขาเรียกว่ากระบวนการยุติธรรมขี้โกงในญี่ป่น ประเทศที่เขาต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประพฤติมิชอบทางการเงิน
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกอส์นเปิดเผยว่ากระบวนการพิจารณาคดีที่ล่าช้าและคำสั่งอันเข้มงวดเกี่ยวกับการห้ามพูดคุยทางโทรศัพท์กับภรรยา คือแรงจูงใจที่ทำให้เขาตัดสินใจเดินหน้าแผนใช้บริษัทความมั่นคงเอกชนลักลอบพาเขาหลบหนีออกจากญี่ปุ่นโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
ในการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะหนที่ 2 นับตั้งแต่ลอบเดินทางจากกรุงโตเกียวมาถึงกรุงเบรุต กอส์นระบุในถ้อยแถลงวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) ยืนยันว่าครอบครัวของเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและเขาเป็นคนจัดฉากการหลบหนีเพียงลำพัง
"มีการคาดเดาต่าง ๆ นานาในสื่อมวลชนว่า คาโรล ภรรยาของผมและสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวผม มีบทบาทต่อการเดินทางออกนอกญี่ปุ่นของผม การคาดเดาดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องและเป็นเท็จ" เขากล่าวในถ้อยแถลง "ผมเตรียมการเดินทางออกมาเพียงลำพัง ครอบครัวของผมไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น"
คำแถลงนี้มีขึ้นหลังจากสำนักข่าวแห่งชาติของทางการเลบานอนรายงานข่าวว่าอัยการแผ่นดินของเลบานอนได้รับ "หมายแดง" จากตำรวจสากลในคดีคาร์ลอส กอส์น แล้ว
"หมายแดง" ของตำรวจสากลนี้ แม้ไม่ถือเป็นหมายจับ แต่ก็เป็นคำขอให้ตำรวจทั่วโลกควบคุมตัวบุคคลที่ถูกระบุในหมายเอาไว้ชั่วคราว ระหว่างรอการดำเนินคดีเพื่อส่งตัวฐานเป็นผู้ร้ายข้ามแดน หรือเพื่อให้มีการมอบตัว หรือการดำเนินการทางกฎหมายในทำนองเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของเลบานอนระบุยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า กอส์น จะถูกเรียกไปสอบปากคำเกี่ยวกับหมายแดงหรือไม่ แต่บอกว่าเลบานอนไม่ส่งพลเรือนของตนเองในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังรัฐต่างแดน
ในคดีอื่น ๆ ที่ผ่านมา เมื่อเลบานอนได้รับ “หมายแดง” เกี่ยวกับพลเมืองเลบานอนซึ่งพำนักอาศัยอยู่ในประเทศ จะไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ แต่จะมีการยึดพาสปอร์ต และตั้งวงเงินให้ประกันตัวออกไป
สำหรับกอส์นนั้น เป็นบุคคลหลายสัญชาติ ทั้งฝรั่งเศส เลบานอนและบราซิล ขณะเดียวกันเขายังมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเลบานอน ประเทศที่เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กและนำเงินมาลงทุนต่าง ๆ นานา ในนั้นรวมถึงถือหุ้นในธนาคารแห่งหนึ่ง ลงทุนในอสังหาริมทรัย์และไร่องุ่น
โฆษกตำรวจตุรกีแถลงวันพฤหัสบดีว่า มีบุคคล 7 คนถูกตุรกีควบคุมตัวเอาไว้ ในนั้นเป็นนักบิน 4 คน ที่เหลือเป็น 2 เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินที่สนามบิน กับคนงานขนส่งสินค้าอีก 1 ราย ส่วนหนึ่งในการสืบสวนเส้นทางหลบหนีของกอส์น โดยทั้งหมดคาดว่าจะถูกนำตัวไปขึ้นศาลในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.)
ข้ออมูลเที่ยวบินในเวลานั้นบ่งชี้ว่า กอส์นใช้เครื่องบินเอกชนสองลำในการเดินทางหลบหนี ลำแรกใช้บินไปอิสตันบูล จากนั้นย้ายไปเครื่องบินอีกลำเพื่อเดินทางต่อไปยังเลบานอน
มีรายงานว่า ทางการญี่ปุ่นเองที่ยอมให้กอส์นถือหนังสือเดินทางฝรั่งเศสอีกเล่มหนึ่ง สำหรับใช้ในประเทศญี่ปุ่นกรณีที่จำเป็น นอกเหนือจากหนังสือเดินทาง 3 เล่ม (ฝรั่งเศส เลบานอน และบราซิล) ที่โดนยึดไปแล้ว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมเจ้าหน้าที่เลบานอนถึงยืนยันว่าอดีตผู้บริหารนิสสันรายนี้ "ถือหนังสือเดินทางฝรั่งเศส" เข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกอส์น อ้างว่าเขาเกิดแรงกระตุ้นให้หลบหนี หลังจากการขึ้นศาลเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้เขาทราบว่าการพิจารณาคดีนัดที่ 2 จะถูกเลื่อนออกไปจนถึงเดือนเมษายน 2021 "พวกเขาบอกว่าจำเป็นต้องใช้เวลาอีก 1 ปีเต็มสำหรับเตรียมพร้อม นอกจากนี้แล้วเขายังเจ็บปวดที่ไม่สามารถพบหรือพูดคุยกับภรรยา"
ทั้งนี้แหล่งข่าวรายดังกล่าวเปิดเผยต่อว่าคำร้องขอพบหรือพูดคุยกับภรรยาในวันคริสต์มาสก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน ส่วนหนึ่งในมาตรการอันเข้มงวดในเงื่อนไขประกันตัว
ขณะเดียวกันแหล่งข่าวบอกด้วยว่ากอส์นรู้สึกเสียใจหนัก ต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่กดดันครอบครัวของเขาให้มาขอให้เขายอมรับสารภาพ หลังจากลูกสาวและลูกชายถูกอัยการญี่ปุ่นสอบปากคำในนิวยอร์กเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม
กอส์น ถูกจับกุมครั้งแรกในโตเกียวเมื่อเดือนมิถุนายน 2018 ไม่นานหลังจากเครื่องบินส่วนตัวของเขาลงแตะพื้นสนามบิน เขาต้องเผชิญกับ 4 ข้อหา ในนั้นรวมถึงปกปิดรายได้และเสริมความมั่งคั่งแก่ตนเองผ่านการโอนเงินส่วนหนึ่งของกองทุนนิสสันไปยังบริษัทตัวแทนจำหน่ายในตะวันออกกลาง ซึ่งบริหารโดยคนรู้จักของเขา
นิสสันปลดเขาออกจากเก้าอี้ประธาน หลังผลการสืบสวนภายในพบว่าเขาประพฤติมิชอบต่าง ๆ นานา ในนั้นรวมถึงแจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงขณะดำรงตำแหน่งซีอีโอ และโอนเงิน 5 ล้านดอลลาร์จากกองทุนนิสสันไปยังบัญชีธนาคารหนึ่งซึ่งเขามีผลประโยชน์ร่วมอยู่
คดีนี้จุดชนวนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติต่อระบบยุติธรรมของญี่ปุ่น ซึ่งร้อยละ 99.9 ของบุคคลที่ถูกตั้งข้อหาทางอาญาจะถูกพิพากษาว่ามีความผิด และทนายความของจำเลยไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมระหว่างการสอบปากคำที่บางครั้งอาจใช้เวลายาวนานถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน
เดิมที กอส์น ถูกปล่อยตัวออกมาในเดือนมีนาคม หลังวางเงินประกัน 9 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ถูกจับกุมตัวอีกครั้งตามข้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา และจากนั้นก็ได้รับประกันตัวอีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนเมษายน