รอยเตอร์ - คาร์ลอส กอส์น อดีตประธานบริหารของบริษัทนิสสันในวันอังคาร(31ธ.ค.) ระบุว่เขาจำเป็นต้องหลบหนีไปยังเลบานอน เพื่อหลบหลีกกระบวนการยุติธรรม "ขี้โกง" ในญี่ปุ่น กระพือคำถามว่าผู้บริหารผู้มีชื่อเสียงและมีคนจำได้มากที่สุดคนหนึ่งของโลก สามารถหลบหนีประกันออกนอกญี่ปุ่นไปได้อย่างไร
การเดินทางออกจากญี่ปุ่นอย่างกะทันหันของกอส์น ถือเป็นจุดพลิกผันล่าสุดของเรื่องอื้อฉาวที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 ปี ซึ่งสั่นคลอนอุตสาหกรรมยานยนต์โลก และกัดเซาะความเป็นพันธมิตรระหว่างนิสสัน มอเตอร์ โค กับ เรโนลต์ เอสพี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของพวกเขา รวมถึงเพิ่มการพินิจพิเคราะห์ต่อระบบยุติธรรมของญี่ปุ่น
"ตอนนี้ผมอยู่ในเลบานอนและจะไม่ยอมตกเป็นตัวประกันของระบบยุติธรรมขี้โกงของญี่ปุ่นอีกต่อไป ระบบยุติธรรมที่ตัดสินความผิดจากการสันนิษฐาน มีการเลือกปฏิบัติอย่างรุนแรงและปฏิเสธพื้นฐานสิทธิมนุษยชน" กอส์นวัย 65 ปีกล่าวในถ้อยแถลงสั้นๆที่เผยแพร่ในวันอังคาร(31ธ.ค.)
"ผมไม่ได้หลบหนีความยุติธรรม ผมหลบหนีความไม่ยุติธรรมและการตามประหัตประหารทางการเมือง ในที่สุดตอนนี้ผมก็สามารถสื่อสารได้อย่างอิสระกับสื่อมวลชน และตั้งตาคอยเริ่มต้นใหม่ในสัปดาห์หน้า"
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่โตเกียวเคยออกมายืนยันว่าระบบยุติธรรมของญี่ปุ่นมีมนุษยธรรมและกอส์น ได้รับการปฏิบัติเหมือนผู้ต้องสงสัยคนอื่นๆ ในขณะที่เขาเผชิญการพิจารณาคดีตามข้อกล่าวหาประพฤติผิดทางการเงิน ข้อกล่าวหาที่เขาปฏิเสธ
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า กอส์น ซึ่งเป็นบุคคลที่ถือหลายสัญชาติทั้ง ฝรั่งเศส, บราซิลและเลบานอน สามารถจัดฉากหลบหนีออกจากญี่ปุ่นได้อย่างไร ในเมื่อเขาอยู่ภายใต้การสอดแนมอย่างเข้มข้นโดยเจ้าหน้าที่ภายใต้เงื่อนไขประกันตัว และถูกยึดพาสปอร์ตไว้
แหล่งข่าวระดับอาวุโสประจำกระทรวงการต่างประเทศเลบานอน ระบุว่ากอส์น เดินทางเข้าเลบานอนอย่างถูกกฎหมายผ่านกระบวนการด้านความมั่นคงตามปกติ ภายใต้พาสปอร์ตของฝรั่งเศสและใช้บัตรประจำตัวประชาชนเลบานอนของเขา
รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้ระบุว่าเขาเดินทางมาจากอิสตันบูลมาถึงกรุงเบรุตด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวในวันจันทร์(30ธ.ค.) อย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสและกระทรวงต่างประเทศเลบานอน ต่างบอกว่าพวกเขาไม่ทราบกรณีแวดล้อมในการเดินทางของเขา
หน่วยงานด้านความมั่นคงของเลบานอนระบุว่ากอส์นจะไม่ถูกดำเนินการทางกฎหมายใดๆต่อแนวทางที่เขาเดินทางเข้าประเทศ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศบอกว่าการเดินทางมาของกอส์นถือเป็นเรื่องส่วนตัวและเลบานอนไม่มีข้อตกลงความร่วมมือด้านยุติธรรมกับญี่ปุ่น
สำนักข่าวเอ็นเอชเค สื่อมวลชนของญี่ปุุ่นรายงานว่าเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นไม่พบบันทึกการเดินทางออกนอกประเทศของกอส์น พร้อมกับอ้างเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของเลบานอนผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนามรายหนึ่งระบุว่าพบเห็นบุคคลที่คล้ายคลึงเขา เดินทางเข้ามายังท่าอากาศยานนานาชาติเบรุต แต่ใช้ชื่อคนละชื่อ
จูนิชิโร ฮิโรนากะ ทนายความของกอส์นเผยว่าลูกความของเขายังมีพาสปอร์ตในครอบครองอีก 3 เล่ม แต่เขาก็เพิ่งทราบข่าวกอส์นหลบหนีออกนอกประเทศจากรายงานข่าวของสื่อมวลชนในตอนเช้าวันนี้เช่นกัน และยอมรับว่ารู้สึกประหลาดใจมาก พร้อมกับตำหนิว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจให้อภัยได้
กระทรวงยุติธรรมระบุว่าญี่ปุ่นมีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดนแค่กับเพียงสหรัฐฯและเกาหลีใต้ นั่นจึงหมายความว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะกดดันให้ กอส์น ยอมเดินทางกลับเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง
แม้เขาถูกจับในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ตามข้อกล่าวหาประพฤติผิดทางการเงิน แต่เขายังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในเลบานอน โดยถึงขั้นมีบิลบอร์ดขนาดใหญ่เขียนว่า "เราทุกคนคือคาร์ลอส กอส์น" ในการแสดงจุดยืนสนับสนุนเขา และก่อนหน้านี้รูปของเขาก็เคยปรากฏอยู่บนสแตมป์ไปรษณีย์ด้วย
กอส์น ลืมตาดูโลกในวงศ์ตระกูลชาวเลบานอนในบราซิล ก่อนย้ายมาเติบโตในเบรุตและคงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเลบานอนมาตลอด
ทั้งนี้ กอส์น ถูกจับกุมครั้งแรกในโตเกียวเมื่อเดือนมิถุนายน 2018 ไม่นานหลังจากเครื่องบินส่วนตัวของเขาลงแตะพื้นสนามบิน เขาต้องเผชิญกับ 4 ข้อหา ในนั้นรวมถึงปกปิดรายได้และเสริมความมั่งคั่งแก่ตนเองผ่านการโอนเงินส่วนหนึ่งของกองทุนนิสสันไปยังบริษัทตัวแทนจำหน่ายในตะวันออกกลาง ซึ่งบริหารโดยคนรู้จักของเขา
นิสสันปลดเขาออกจากเก้าอี้ประธาน หลังผลการสืบสวนภายในพบว่าเขาประพฤติมิชอบต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงแจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงขณะดำรงตำแหน่งซีอีโอ และโอนเงิน 5 ล้านดอลลาร์จากกองทุนนิสสันไปยังบัญชีธนาคารหนึ่งซึ่งเขามีผลประโยชน์ร่วมอยู่
คดีนี้จุดชนวนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติต่อระบบยุติธรรมของญี่ปุ่น ซึ่ง 99.9 ของบุคคลที่ถูกตั้งข้อหาทางอาญาจะถูกพิพากษาว่ามีความผิด และทนายความของจำเลยไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมระหว่างการสอบปากคำที่บางครั้งอาจใช้เวลายาวนานถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน
เดิมที กอส์น ถูกปล่อยตัวออกมาในเดือนมีนาคม หลังวางเงินประกัน 9 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ถูกจับกุมตัวอีกครั้งตามข้อหาต่างๆที่เกี่ยวข้องในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา และจากนั้นก็ได้รับประกันตัวอีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนเมษายน
ในเงื่อนไขประกันตัว ศาลแขวงโตเกียวสั่งสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวและการสื่อสารของเขา และกำหนดข้อจำกัดต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลบหนีออกนอกประเทศหรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน
อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่าปัจจุบัน กอส์นและภรรยา พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในเลบานอน พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธยืนประจำการอยู่ภายนอก