เอเจนซีส์ - นิวซีแลนด์เปิดการสอบสวน เหตุการณ์ภูเขาไฟบนเกาะท่องเที่ยวยอดนิยมระเบิดกะทันหัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน บาดเจ็บกว่า 30 คน ขณะที่ผู้สูญหายอีก 8 คนสันนิษฐานว่า ไม่มีผู้รอดชีวิต โดยมีคำถามสำคัญคือ ควรอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปบนเกาะดังกล่าวหรือไม่ ทั้งที่เพิ่งมีคำเตือนว่า ภูเขาไฟปะทุตัวเพิ่มมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น แถลงในรัฐสภานิวซีแลนด์เมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) ว่า เครื่องบินตรวจการณ์ไม่พบสัญญาณผู้รอดชีวิตบนเกาะไวท์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่เกิดการระเบิด และเสริมว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างมาก พร้อมแสดงความเสียใจต่อญาติมิตรของผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย
ทางด้านตำรวจระบุว่า มีนักท่องเที่ยวอยู่บนเกาะไวท์ซึ่งเป็นเกาะท่องเที่ยวของเอกชน รวมทั้งหมด 47 คนตอนที่ภูเขาไฟระเบิดช่วงบ่ายวันจันทร์ (9) โดยประกอบด้วยชาวออสเตรเลีย 24 คน, อเมริกา 9 คน, นิวซีแลนด์ 5 คน, เยอรมัน 4 คน, จีนและอังกฤษประเทศละ 2 คน และมาเลเซีย 1 คน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลีย กล่าวว่า ชาวออสเตรเลีย 3 คนอาจเป็นส่วนหนึ่งของผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว และอีก 13 คนได้รับบาดเจ็บ
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ (สถานเอกอัครราชทูต) มาเลเซียประจำนิวซีแลนด์ แถลงว่า ชาวมาเลเซียเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 1 คน ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ (สถานเอกอัครราชทูต) อังกฤษยืนยันว่า ผู้หญิงอังกฤษ 2 คนได้รับบาดเจ็บ
จอห์น ทิมส์ รองผู้บัญชาการตำรวจนิวซีแลนด์ ระบุว่า มีแนวโน้มสูงมากว่า ไม่มีผู้รอดชีวิตบนเกาะไวท์ ซึ่งหมายถึงผู้สูญหายทั้ง 8 คน
ขณะที่ปีเตอร์ วัตสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของรัฐบาล แจงว่า ในบรรดาผู้บาดเจ็บ 31 คน มีอย่างน้อย 27 คนที่มีแผลไหม้มากว่า 71% ของพื้นที่ผิวร่างกาย โดยบางคนอาจทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิต
นอกจากนั้นสำนักงานตำรวจยังเปิดการสอบสวนกรณีการเสียชีวิตบนเกาะไวท์ แต่ชี้แจงว่า ไม่ใช่การสอบสวนคดีอาญาอย่างที่เป็นข่าวตอนแรก
ทั้งนี้ เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หน่วยงานติดตามธรณีภัยพิบัติ จีโอเน็ต ได้ยกระดับการเตือนภัยภูเขาไฟเกาะไวท์เนื่องจากมีการปะทุตัวมากขึ้น และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แบรด สก็อตต์ นักวิทยาภูเขาไฟของจีโอเน็ต เพิ่งระบุในรายงานว่า มีการปะทุระดับปานกลางบนเกาะไวท์ และพบก๊าซ ไอน้ำ และโคลนพวยพุ่งจากปล่องด้านหลังของทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ
เกาะไวท์หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วากาอาริ ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเกาะเหนือ ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัย ภูเขาไฟบนเกาะนี้เป็นภูเขาไฟที่มีพลังที่สุดในนิวซีแลนด์ โดย 70% จมอยู่ใต้น้ำ
ภูเขาไฟเกาะไวท์ระเบิดครั้งล่าสุดในปี 1914 ทำให้คนงานเหมืองกำมะถัน 12 คนเสียชีวิต
กระนั้น แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 10,000 คนเยี่ยมชมเกาะแห่งนี้ที่ถูกโฆษณาว่าเป็น “ภูเขาไฟกลางทะเลที่ยังมีพลังที่สุดและเข้าถึงได้ของโลก”
ลอยซ์ แวนเดอร์คลูเซน นักวิทยาภูเขาไฟมหาวิทยาลัยเดร็กเซลในอเมริกา กล่าวว่า แปลกใจมากที่รู้ว่า ในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันที่ภูเขาไฟระเบิด ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นไปบนเกาะไวท์ ทั้งที่นักวิจัยตระหนักดีว่า ภูเขาไฟเข้าสู่ช่วงที่มีการปะทุมากขึ้น
กล้องถ่ายทอดสดที่จีโอเน็ตติดตั้งไว้บริเวณขอบปากปล่องภูเขาไฟเผยให้เห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเดินออกจากขอบด้านในของปากปล่องก่อนที่ภูเขาไฟจะระเบิดเพียงนาทีเดียว
อาร์เดิร์นกล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อเช้าวันอังคาร จากเมืองวากาทานิบนชายฝั่งด้านตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ ห่างจากเกาะไวท์ประมาณ 50 กิโลเมตรว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีนักท่องเที่ยว 2 กลุ่มบนเกาะ กลุ่มหนึ่งคือพวกที่อพยพออกมาได้ และอีกกลุ่มคือพวกที่อยู่ใกล้บริเวณที่ภูเขาไฟระเบิด
ระหว่างที่เธอแถลงในสภาหลังจากนั้น อาร์เดิร์นสดุดีความกล้าหาญของนักบินเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำที่ตัดสินใจลงจอดบนเกาะเพื่อช่วยอพยพนักท่องเที่ยวหลังภูเขาไฟระเบิดท่ามกลางสถานการณ์ที่อันตรายมาก
นับจากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังไม่สามารถขึ้นไปบนเกาะไวท์ที่ปกคลุมด้วยเถ้าถ่านสีเทาได้อีกเลย และจีเอ็นเอส ไซเอนซ์ หน่วยงานธรณีศาสตร์ของนิวซีแลนด์เตือนว่า มีโอกาส 50/50 ที่ภูเขาไฟจะระเบิดอีกครั้งในรอบ 24 ชั่วโมง ขณะที่ปล่องภูเขาไฟยังพ่นไอน้ำและโคลนออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีความกังวลเกี่ยวกับก๊าซพิษ
ในเวลาต่อมามีรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.0 ทางด้านตะวันออกของพื้นที่ภัยพิบัติเมื่อวันอังคาร
ทางฝ่ายครอบครัวบัตเทิลที่ครอบครองเกาะไวท์มานานถึง 80 ปี แถลงแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น รวมทั้งขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องในปฏิบัติการกู้ภัยทั้งหมด