xs
xsm
sm
md
lg

คาดอีก5หรือ10ปี จีนจะแซงหน้าสหรัฐฯขึ้นชาติผู้พัฒนาสมองกล(AI)เบอร์1โลก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แฟ้มภาพจากเอเอฟพี
เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ - ปัจจุบันไม่มีข้อโต้เถียงเลยว่า สหรัฐฯคือผู้นำด้านการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์(AI) แต่ดัชนี Global AI Index ที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตเร็วที่สุดจะแซงหน้าอเมริกาภายใน 10 ปี หากเป็นไปตามแนววิถีในปัจจุบัน

ดัชนีดังกล่าวเป็นการจัดอันดับประเทศต่างๆ 54 ชาติจากศักยภาพด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยวัดจากตัวบ่งชี้สำคัญๆ 7 อย่างตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ประกอบด้วยด้านพรสวรรค์, โครงสร้างพื้นฐาน, สภาพแวดล้อมของการดำเนินงาน, การวิจัย, การพัฒนา, ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและการลงทุนของภาคเอกชน

ปัจจุบันสหรัฐฯยังคงมีคะแนนนำหน้าในตัวชี้วัดสำคัญๆส่วนใหญ่ โดยได้รับคะแนน 100 หรือเกือบเท่า 2 ของจีน ซึ่งได้รับคะแนน 58.3 สืบเนื่องจากความสามารถด้านการวิจัย, พรสวรรค์และการลงทุนของภาคเอกชน โดยมีสหราชอาณาจักร, แคนาดาและเยอรมนี ตามมาเป็นที่ 3, 4 และ 5 ตามลำดับ

ฮ่องกงรั้งอันดับ 25 ทำคะแนนได้ดีในด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่มีปัญหาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของการดำเนินงาน ส่วนสิงคโปร์ รั้งอันดับ 7 โดยมีความยอดเยี่ยมด้านพรสวรรค์ แต่ก็ประสบปัญหาด้านสภาพแวดล้อมของการดำเนินงานเช่นกัน

ในขณะที่โทคโนโลยีดังกล่าวถูกจำกัดความว่าอาจเป็นตัวเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมต่างๆนานาในอนาคต ไล่ตั้งแต่ภาคการเงินไปจนถึงการขนส่ง ปัญญาประดิษฐ์ได้กลายเป็นสมรภูมิใหม่ที่ประเทศต่างๆกำลังดิ้นรนแข่งขันเพื่อแย่งชิงอิทธิพลและอำนาจทางเศรษฐกิจในอนาคต

จำนวนบริษัท AI ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเกือบ 20,000 เทคโนโลยี ไล่ตั้งแต่รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ไปจนถึงอัลกอริทึมทางการแพทย์ที่สามารถตรวจโรคได้ และมีบริษัท AI กว่า 10,000 แห่งที่ถูกก่อตั้งขึ้นนับตั้งแต่ปี 2015 ดึงดูดเงินลงทุนของภาคเอกชนกว่า 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Tortoise Intelligence ผู้จัดทำดัชนีระบุ

รายงานคาดหมายว่ารัฐบาลชาติต่างๆจะทุ่มงบประมาณด้านการพัฒนา AI เฉพาะแบบเปิดเผย รวมกันไม่น้อยกว่า 35,000 ล้านดอลลาร์ ในนั้นแค่เฉพาะจีน ประเทศเดียว ก็ปาเข้าไป 22,000 ล้านดอลลาร์แล้ว

การทุ่มงบประมาณดังกล่าวของจีน คิดเป็น 48% ของเงินลงทุนด้านการพัฒนา AI ทั่วโลก รองลงมาคือสหรัฐฯ ที่จัดสรรเงินทุนด้านนี้คิดเป็น 38% ส่วนชาติอื่นๆของโลกนั้น อยู่ในส่วนของอีก 14% ที่เหลือ

เมื่อปี 2017 จีนประกาศแผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์อย่างเป็นทางการ โดยตั้งเป้าคร่าวๆ ว่าจะต้องเป็นผู้นำและศูนย์นวัตกรรมด้าน AI ระดับโลกภายใน 2030 และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น พวกเขาจึงจะสนับสนุนแผนแห่งชาติด้านการพัฒนา AI ด้วยทรัพยากรสำคัญทั้งหลายแหล่

อย่างไรก็ตามเป้าหมายของจีนอาจเจอผลกระทบพอสมควร เมื่อวอชิงตันขึ้นบัญชีดำบริษัท AI ใหญ่ๆของจีน 8 แห่งเมื่อเดือนตุลาคม ต่อคำกล่าวหาปักกิ่งละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุลิมอุยกูร์ และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆในซินเจียง
กำลังโหลดความคิดเห็น