เอเจนซีส์ – ภาพดาวเทียมล่าสุดที่ CNN ได้มาบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนืออาจกลับมาเริ่มต้นทดสอบระบบเครื่องยนต์สำหรับขีปนาวุธพิสัยข้ามทวีปและเครื่องยิงดาวเทียมอีกครั้งในสถานีทดสอบที่ผู้นำสหรัฐฯเคยออกมาอ้างว่าได้ถูกทำลายไปแล้วหลังการประชุมสิงคโปร์ซัมมิตครั้งแรกระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวันนี้( 6 ธ.ค)ว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์ที่ถูกถ่ายในวันพฤหัสบดี(5)ของบริษัทแพลเนต แล็บส์(Planet Labs) แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวใหม่ที่สถานีปล่อยดาวเทียมโซแฮ (Sohae Satellite Launching Station)ที่มีการปรากฏของตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งขนาดใหญ่ที่จุดทดสอบการปล่อย อ้างอิงจากเจฟฟรีย์ เลวิส(Jeffrey Lewis)ผู้อำนวยการโครงการป้องกันการแพร่ขยายเอเชียตะวันออก (East Asia Nonproliferation Program)ประจำสถาบันมิดเดิลบิวรี (Middlebury Institute) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับแพลเนต แล็บส์
ทั้งนี้พบว่า ตู้คอนเทนเนอร์ ไม่ได้ปรากฏขึ้นก่อนวันพฤหัสบดี(5) และการปรากฏขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่าทางเกาหลีเหนือกำลังที่จะกลับมาทำการทดสอบระบบเครื่องยนต์ที่สถานีโซแฮอีกครั้งเลวิสให้สัมภาษณ์กับ CNN
อย่างไรก็ตามทางเพนตากอนและ CIA ยังไม่ได้แสดงความเหฦนกลับมาในทันทีเมื่อถามถึงความเห็นการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมนี้
ซึ่งในขณะที่การทดสอบระบบเครื่องยนต์ถือว่ามีความยั่วยุน้อยกว่าการทดสอบมิสไซล์หรือการส่งดาวเทียม แต่เลวิสย้ำว่า ความเคลื่อนไหวที่สถานีโซแฮครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญและเป็นก้าวไปสู่การพัฒนาการยิงทดสอบอาวุธที่จะมีความคุกคามมากขึ้น
นอกจากนี้เงื่อนเวลายังเหมือนเป็นการส่งสัญญาณไปยังประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากในสัปดาห์นี้เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือออกมากล่าวว่าได้มีการเตรียมของขวัญคริสต์มาสให้สำหรับวอชิงตัน แต่เตือนว่า ของขวัญที่ทางรัฐบาลทรัมป์จะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอีกไม่กี่วันที่จะมาถึง
และเป็นอีกครั้งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้(5)ออกมาเรียกทรัมป์ว่า “โดทาร์ด” (dotard) หรือคนแก่สมองเสื่อม หลังจากผู้นำสหรัฐฯกลับมาทำสงครามน้ำลายอีกครั้งโดยเรียกประธานาธิบดี คิม จองอึนว่า “มนุษย์จรวด” (Rocket Man)
โดยทรัมป์ได้กล่าวถึงคิมในการประชุมนาโตซัมมิตะวันพฤหัสบดี(5)ว่า “เขาชอบที่จะยิงขีปนาวุธขึ้นไป ไม่ใช่หรือ? และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเรียกเขาว่า “มนุษย์จรวด” ” แต่ทรัมป์ยังยืนยันว่าทั้งตัวเขาและคิมมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ซึ่งโช ซอน ฮุย( Choe Son Hui)ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือคนที่ 1 ออกมาแสดงความเห็นผ่านการรายงานของสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือว่า การออกมาให้ความเห็นของประธานาธิบดีสหรัฐฯถือว่าไม่เหมาะสมโดยเฉพาะในเวลาที่อ่อนไหวเช่นนี้
และเสริมว่า หากว่าการใช้ถ้อยคำหรือความเห็นที่สร้างบรรยากาศการเผชิญหน้าเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างจงใจในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้อีกครั้ง ดังนั้นแล้วสมควรที่จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นช่วงชีวิตของ “คนแก่สมองเสื่อม”