รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ขู่จะเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 100% จากสินค้านำเข้าฝรั่งเศสมูลค่า 2,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างแชมเปญ, กระเป๋าถือ, ชีส และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อตอบโต้ ‘ภาษีบริการดิจิทัล’ (digital services tax) ของรัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งวอชิงตันเชื่อว่าจะส่งผลเสียต่อบริษัทเทคโนโลยีของอเมริกา
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ระบุว่า จากการสอบสวนโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 301 ของกฎหมายการค้าปี 1974 พบว่า การจัดเก็บภาษีดิจิทัลของฝรั่งเศส “ไม่สอดคล้องกับหลักนโยบายภาษีระหว่างประเทศที่ใช้กันอยู่ และยังเป็นการเพิ่มภาระแก่บริษัทอเมริกันที่ได้รับผลกระทบ” เช่น กูเกิล, เฟซบุ๊ก, แอปเปิล และแอมะซอน
โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเปิดการสอบสวนเพิ่มเติมต่อกรณีการเก็บภาษีดิจิทัลในออสเตรีย, อิตาลี และตุรกีด้วย
“USTR กำลังมองหาลู่ทางตอบโต้นโยบายกีดกันการค้าของบางประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อบริษัทอเมริกัน” ไลท์ไฮเซอร์ กล่าว โดยยังไม่ได้ระบุพาดพิงถึงข้อเสนอเก็บภาษีดิจิทัลในแคนาดาและอังกฤษ
USTR จะเริ่มกระบวนการรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 14 ม.ค. ปีหน้าเกี่ยวกับบัญชีสินค้าฝรั่งเศสที่จะถูกรีดภาษี รวมไปถึงทางเลือกในการเก็บค่าธรรมเนียมหรือใช้ข้อจำกัดกับภาคบริการของฝรั่งเศส โดยมีกำหนดทำประชาพิจารณ์ (public hearing) ในวันที่ 7 ม.ค. แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาที่มาตรการรีดภาษี 100% จะมีผลบังคับใช้
บทลงโทษทางภาษีระลอกใหม่นี้จะครอบคลุมสินค้าฝรั่งเศสที่เคยได้รับการยกเว้นจากคำสั่งรีดภาษี 25% เพื่อตอบโต้การอุดหนุนผู้ผลิตอากาศยานของอียู เช่น สปาร์คกลิ้งไวน์, กระเป๋าถือ และอุปกรณ์แต่งหน้า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบหนักต่อยักษ์สินค้าแบรนด์หรู LVMH รวมถึงผู้ผลิตเครื่องสำอางอย่างลอรีอัล
กรุยแยร์ชีสและชีสฝรั่งเศสอีกหลายชนิดก็มีชื่ออยู่ในบัญชีสินค้าที่อเมริกาเตรียมรีดภาษีในอัตรา 100% เช่นกัน
เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสคนหนึ่งระบุว่า ปารีสจะคัดค้านผลสอบของ USTR และย้ำว่าการเก็บภาษีดิจิทัลไม่ได้มีเจตนาเลือกปฏิบัติกับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีซึ่งมีรายได้ทั่วโลกเกิน 750 ล้านยูโร และเป็นรายได้จากการให้บริการดิจิทัลในฝรั่งเศสเกิน 25 ล้านยูโรขึ้นไป จะต้องเสียภาษีให้รัฐบาลปารีสในอัตรา 3% ของรายได้ที่เกิดในฝรั่งเศส
รายงานของ USTR และคำขู่รีดภาษีของสหรัฐฯ มีขึ้นภายหลังการเจรจาระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง บรูโน เลอแมร์ ของฝรั่งเศส และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สตีเวน มนูชิน ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีดิจิทัลที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
ทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำข้อตกลงประนีประนอมระหว่างการประชุมซัมมิต G7 ที่ฝรั่งเศสเมื่อเดือน ส.ค. โดยฝรั่งเศสรับปากจะคืนส่วนต่างของเงินภาษีที่เก็บในอัตรา 3% กับภาษีที่คิดจากกลไกใหม่ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ให้แก่บริษัทอเมริกัน ทว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เคยรับรองข้อตกลงนี้ และยังปฏิเสธที่จะถอนคำขู่รีดภาษีแก้แค้นฝรั่งเศสด้วย
