เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(1 ธ.ค) นายกรัฐมนตรีมอลตา โจเซฟ มัสแคท ประกาศผ่านทางโทรทํศน์ลาออกจากตำแหน่ง โดยยืนยันจะขอให้พรรครัฐบาลแรงงานของเขาเริ่มต้นกระบวนการสรรหาผู้นำพรรคคนใหม่ในวันที่ 12 ม.ค ปีหน้า ท่ามกลางความกดดันจากประชาชนที่เรียกร้องให้ลาออกเซ่นคดีนักข่าวสาวเชิงสอบสวนคดีปานามาเปเปอร์ส ดาฟนี คารูอานา กาลิเซีย 1 วันหลังนักธุรกิจชาวมอลตาชื่อดัเกี่ยวข้องคดีนี้ถูกส่งตัวขึ้นศาล
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานวันอาทิตย์(1 ธ.ค)ว่า การประกาศลาออกจากตำแหน่งของ นายกรัฐมนตรีมอลตา โจเซฟ มัสแคทในคืนวันอาทิตย์(1)ทางโทรทัศน์เกิดขึ้นหลังประชาชนออกมาเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่งจากความกดดันคดีลอบสังหารนักข่าวหญิงปานามาเปเปอร์ส ดาฟนี คารูอานา กาลิเซีย (Daphne Caruana Galizia)เมื่อปี 2017
และในวันเสาร์(30 พ.ย)พบว่านักธุรกิจชื่อดังชาวปานามาที่มีส่วนพัวพันกับรัฐมนตรีหลายคนรวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงถูกดำเนินคดีในคดีลอบสังหารคารูอานา กาลิเซีย
"ผมจะเขียนไปถึงประธานพรรคแรงงานเพื่อให้กระบวนการสำหรับการสรรหาผู้นำพรรคคนใหม่จะได้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 12 มกราคม ปี 2020 และในวันนั้นผมจะลาออกในฐานะนายกรัฐมนตรีมอลตา" มัสแคทกล่าว
และเสริมต่อว่า “ประเทศของเราดังนั้นแล้วจะเริ่มต้นกระบวนการระยะสั้นประมาณ 1 เดือนสำหรับพรรคแรงงานในการคัดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่และนายกรัฐมนตรีคนใหม่”
ทั้งนี้พบว่าคนจำนวนหลายพันคนได้เริ่มเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลในช่วงต้นวันอาทิตย์(1)ที่กรุงวัลเลตตา โดยได้มีการเคลื่อนขบวนจากหน้ารัฐสภามอลตาไปยังศาลกลางมอลตา ผู้จัดงานการเดินขบวนครั้งนี้คือกลุ่มรีพับบลิกา(Repubblika) และสมาชิกครอบครัวนักข่าวสาว คารูอานา กาลิเซีย รวมไปถึงฝ่ายอื่นๆ
เดอะการ์เดียนชี้ว่า ก่อนหน้านี้สมาชิกรัฐสภาของพรรคคนอื่นๆยังยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างมัสแคท
ยอร์เกน เฟเนค (Yorgen Fenech) วัย 38 ปีถูกนำไปยังศาลกรุงวาเลตตาในช่วงค่ำวันเสาร์(30 พ.ย)ในความผิดร่วมมือฆาตกรรม แต่เฟเนคไม่ยอมรับความผิดในข้อหานี้และข้อหาอื่นๆ โดยก่อนหน้ารัฐบาลมอลตาปฎิเสธข้อเสนอของเฟเนคในการที่จะให้สิทธิภูมิคุ้มกันจากการถูกดำเนินคดีโดยแลกกับการที่เขาจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนฆาตกรรม และการคอร์รัปชันที่พัวพันคีธ สเคมบรี (Keith Schembri ) คอนราด มิสซี (Konrad Mizzi) อดีตหัวหน้าคณะทำงานของมัสแคท อดีตรัฐมนตรีการท่องเที่ยวมอลตา และคนอื่นๆ อ้างอิงจากการบันทึกของศาล
ทั้งสเคมบรีและมิสซีลาออกจากตดำแหน่งในวันอังคาร(26 พ.ย)ที่ผ่านมา โดยอดีตหัวหน้าคณะชุดทำงานมัสแคทถูกตำรวจมอลตาสอบปากคำนาน 2 วันก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวออกไปโดยที่ไม่ตั้งข้อหา สเคมบรีปฎิเสธว่าไม่เคยกระทำความผิด ส่วนมิสซีปฎิเสธความเกี่ยวข้องทางธุรกิจกับเฟเนคพร้อมกับยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิดใดๆ
ซึ่งก่อนที่มัสแคทจะประกาศลาออกพบว่ากลุ่มสมาชิกรัฐสภาของพรรคแรงงานของเขาได้ประชุมหารือกันอย่างเคร่งเครียดนานร่วม 4 ชั่วโมงวันอาทิตย์(1)ที่พระราชวังเจียร์เจนติ (Girgenti Palace ) ซึ่งเป็นที่พักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมอลตา ก่อนจะออกมาแถลงว่า ยังคงให้การสนับสนุนทุกการตัดสินใจของมัสแคทที่จะเกิดขึ้น