เอเจนซีส์ – ผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยของฮ่องกง ยกระดับการรณรงค์ตาม “แผนดาวกระจาย” ในการปิดถนนและเส้นทางสัญจรตลอดจนโจมตีทุบทำลายสถานที่และร้านรวงต่างๆ ไปทั่วทั้งนครแห่งนี้ ส่งผลให้สถาบันการศึกษาและห้างสรรพสินค้ามากมายปิดทำการ เครือข่ายรถไฟและการขนส่งสาธารณะติดขัด ประชาชนประสบความยากลำบากในการเดินทางไปทำงาน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า นักศึกษาจีนแผ่นดินใหญ่แห่กลับบ้านเกิดเนื่องจากกังวลว่า อาจตกเป็นเป้าหมายการโจมตี
ในวันพุธ (13 พ.ย.) ประชาชนมากมายเผชิญปัญหาในการเดินทาง เนื่องจากผู้ประท้วงได้ลอบโยนก้อนอิฐ จักรยาน และวัตถุต่างๆ กีดขวางบนถนนหลายสายตั้งแต่ช่วงกลางดึก เช่นเดียวกับรถไฟใต้ดินหลายสายที่ประชาชนฮ่องกงครึ่งหนึ่งของทั้งหมด 7.5 ล้านคนใช้เป็นประจำทุกวัน ที่ต้องระงับให้บริการเนื่องจากถูกผู้ประท้วงบุกโจมตี ทำให้พนักงานจำนวนมากไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้
ขณะเดียวกัน ผู้ประท้วงชุดดำสวมหน้ากากได้ปะทะกับตำรวจแบบมาราธอนมาตั้งแต่วันอังคาร (12) ตามมหาวิทยาลัยหลายแห่ง และมีการขว้างระเบิดขวดใส่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีการโจมตีห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่ง
รายงานจากตำรวจและมหาวิทยาลัยในฮ่องกงระบุตรงกันว่า นักศึกษาจากแผ่นดินใหญ่เริ่มเดินทางออกจากฮ่องกงทางเรือและรถโดยสารเนื่องจากกังวลในความปลอดภัยของตัวเอง ขณะที่สำนักงานการศึกษาฮ่องกงประกาศให้โรงเรียนทุกแห่งปิดทำการในวันพฤหัสฯ (14) เพื่อความปลอดภัยรวมถึงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการเดินทาง
ด้านธนาคารและห้างหลายแห่งในย่านธุรกิจก็ปิดทำการในวันพุธ เช่นเดียวกับสถานบันเทิงอีกมากมายที่ปิดทำการหรือปิดให้บริการเร็วขึ้น
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นผลจากยุทธศาสตร์ดาวกระจาย ซึ่งใช้ชื่อว่า “เบ่งบานทุกหนทุกแห่ง” (blossom everywhere ) ของขบวนการประท้วงขนาดใหญ่ที่ไม่เปิดเผยตัวตน ด้วยวิธีจัดส่งผู้ประท้วงเป็นกลุ่มเล็กๆ หลายกลุ่ม และเล็งเป้าหมายโจมตีหลายๆแห่ง เพื่อให้เกิดการหยุดชะงักมากที่สุดและทำให้ตำรวจต้องกระจายกำลังออกไป
จอห์น เจ๋อ โฆษกของตำรวจฮ่องกง บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันพุธ (13) ว่า “เจตนารมณ์ของพวกก่อการจลาจลเหล่านี้ คือการนำฮ่องกงเข้าสู่การพังทะลายอย่างสิ้นเชิง ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองใดๆ สามารถที่จะนำมาใช้สร้างความชอบธรรมหรือใช้สร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้แก่ความบ้าคลั่งเช่นนี้”
ทั้งนี้เมื่อวันอังคาร (12) โฆษกตำรวจฮ่องกงอีกผู้หนึ่งก็กล่าวเตือนว่า ฮ่องกงกำลังอยู่ “บนขอบเหวของการล่มสลายอย่างสิ้นเชิง”
ก่อนหน้านี้พวกผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเหล่านี้ มักออกมารวมตัวในช่วงค่ำและสุดสัปดาห์ แต่นับจากวันจันทร์ที่ผ่านมา (11) เริ่มมีความพยายามปิดเครือข่ายรถไฟและเรียกร้องการประท้วงทั่วฮ่องกงในวันทำงาน สืบเนื่องจากความไม่พอใจที่ตำรวจยิงผู้ประท้วงวัย 21 ปีด้วยกระสุนจริงได้รับบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงเกิดขึ้นจากทั้งสองด้าน โดยในวันเดียวกันนั้น ชายวัย 57 ปีถูกจุดไฟเผาทั้งเป็นหลังโต้เถียงกับผู้ประท้วง
ในวันอังคาร (12) หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) ที่เป็นปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ส่งสัญญาณว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นของฮ่องกงในวันที่ 24 มิถุนายนอาจถูกยกเลิก หากผู้ประท้วงยังไม่เลิกก่อความรุนแรง และยังระบุอีกว่า มีแต่ต้องสนับสนุนให้ตำรวจใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อยุติการจลาจลเท่านั้น จึงจะทำให้ฮ่องกงกลับคืนสู่ความสงบ จัดการเลือกตั้งที่เป็นธรรม และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ส่วนไชน่าเดลี่ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนฉบับวันพุธ (13) ประณามพวกก่อความรุนแรงในฮ่องกงว่า มีความเชื่อที่โง่เขลาและไร้เดียงสา ที่เห็นไปว่าฮ่องกงจะดีขึ้นได้ด้วยการกำจัดทุกอย่างที่เป็นของแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากในความเป็นจริงนั้นแผ่นดินใหญ่คือแหล่งน้ำจืดสำคัญ รวมถึงกระแสไฟฟ้า และอาหารสำหรับฮ่องกง
ถึงแม้มีสื่อจีนเอ่ยย้ำความเป็นไปได้ว่า จีนอาจส่งกองทัพเข้าไปยุติวิกฤตในฮ่องกง
ทว่ากระทั่ง เบน แบลนด์ ผู้อำนวยการโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสถาบันโลวี ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองด้านนโยบายที่ตั้งอยู่ในซิดนีย์ ยังแสดงความเชื่อว่า จีนยังไม่ได้เตรียมพร้อมใช้มาตรการรุนแรง เช่น การแทรกแซงทางทหารกับฮ่องกง แต่กำลังเลือกเล่นเกมยาวด้วยการข่มขู่และปล่อยให้ขบวนการประท้วงอ่อนแอลงเอง
แบลนด์สำทับว่า แนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ จีนจะปล่อยให้รัฐบาลและตำรวจฮ่องกงจัดการกับการประท้วงต่อไป
กระนั้น เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ทำให้มีความกังวลมากขึ้นว่า ตำรวจฮ่องกงอาจไม่สามารถรับมือวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ และจำเป็นต้องหาทางออกทางการเมือง
ในวันพุธตลาดหุ้นฮ่องกงร่วง 2% ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ระหว่างการซื้อขายช่วงเช้า หลังจากแคร์รี่ ลัม ผู้ว่าการเกาะฮ่องกงประณามผู้ประท้วงที่พยายามทำให้กิจกรรมต่างๆ และเศรษฐกิจของฮ่องกงหยุดชะงักว่า เป็นการกระทำที่ “เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง”