เอเจนซีส์ – ตำรวจยิงผู้ประท้วงสวมหน้ากากในเหตุการณ์ที่มีการเผยแพร่ภาพสดๆ บนเฟซบุ๊ก ขณะชายซึ่งโต้เถียงกับพวกผู้ประท้วง ถูกคู่กรณีจุดไฟเผาทั้งเป็น โดยคลิปเหตุการณ์ถูกนำออกเผยแพร่อย่างรวดเร็วทางสื่อสังคม ทั้งสองกรณีนี้ทำให้วันจันทร์ (11 พ.ย.) กลายเป็นหนึ่งในวันซึ่งเกิดความรุนแรงที่สุดในฮ่องกง นับตั้งแต่ความไม่สงบจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยปะทุขึ้นเมื่อกว่า 5 เดือนก่อน
ในเหตุการณ์ที่พวกผู้ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปและแพร่ภาพสดๆ บนเฟซบุ๊กเมื่อตอนเช้าวันจันทร์ ตำรวจคนหนึ่งชักปืนออกมาขณะพยายามจับกุมผู้ประท้วงสวมหน้ากากคนหนึ่งที่บริเวณทางแยกในย่านไซหว่าน ซึ่งถูกพวกผู้ประท้วงปิดกั้นเอาไว้ จากนั้นก็มีผู้ประท้วงสวมหน้ากากอีกคนหนึ่งตรงเข้าไปที่ตำรวจผู้นั้น และถูกยิงล้มลงกับพื้น ตำรวจผู้นี้ยังยิงปืนอีก 2 นัดแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไร
ทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบกล่าวในเวลาต่อมาว่า ผู้ถูกยิงซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมีอาการสาหัส
พวกหัวหน้าตำรวจกล่าวว่า การที่ตำรวจชักปืนและยิงใส่ผู้ประท้วงเช่นนี้เป็นการใช้กำลังอย่างถูกต้องชอบธรรมแล้ว เมื่อพิจารณาว่าเขาหวาดกลัวว่าตัวเขาจะไม่ปลอดภัย แต่สำหรับพวกผู้ประท้วงแล้ว ต่างพากันโกรธแค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในตลอดการประท้วงกว่า 5 เดือนซึ่งบ่อยครั้งเกิดความรุนแรง การยิงที่เกิดขึ้นในวันจันทร์ เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งฝ่ายผู้ประท้วงถูกตำรวจยิง โดยที่ตำรวจยิงไปทั้งสิ้น 5 นัด การยิงเหล่านี้ยังไม่ได้ส่งผลทำให้เกิดการเสียชีวิตเลย
ทางพวกผู้ประท้วงซึ่งเริ่มต้นออกปฏิบัติการทั่วทั้งเมืองกันอยู่แล้ว ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ฮับการเงินระหว่างประเทศแห่งนี้กลายเป็นอัมพาต ได้แสดงปฏิกิริยาต่อข่าวตำรวจยิงผู้ประท้วงในตอนเช้า ด้วยการออกอาละวาดทุบทำลายสถานีรถไฟใต้ดินแห่งต่างๆ, ตั้งเครื่องกีดขวางปิดกั้นถนนสายต่างๆ , และทุบทำลายร้านรวงกันตลอดทั้งวัน ขณะที่ตำรวจก็ตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาขับไล่ และเข้าจับกุม รวมทั้งในย่านธุรกิจใจกลางเมืองด้วย
ในเวลาต่อมาของวันเดียวกัน ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นชายผู้หนึ่งกำลังโต้เถียงกับพวกผู้ประท้วงสวมหน้ากาก บนสะพานคนเดินข้าม ในเขตหม่าออนซาน ซึ่งอยู่ห่างราว 20 กิโลเมตรจากย่านใจกลางฮ่องกง แล้วหนึ่งในผู้ประท้วงก็ใช้ของเหลวสาดไปที่ตัวชายผู้นี้ จากนั้นก็จุดไฟซึ่งลุกท่วมเหยื่อผู้นี้อย่างรวดเร็ว จนเขาวิ่งหนีด้วยความตกใจ ทางการตำรวจแจ้งว่า ชายผู้นี้ถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยมีอาการสาหัส
จากคลิปวิดีโอซึ่งถ่ายไว้โดยพวกผู้เห็นเหตุการณ์ ชายผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นพวกโปรปักกิ่ง โดยที่เขาพูดว่า “เราทุกคนต่างเป็นคนจีน” ซึ่งทำให้พวกผู้ประท้วงโกรธเกรี้ยว นอกจากนั้นสื่อของทางการจีนยังเผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชายผู้นี้ได้พยายามขัดขวางพวกผู้ประท้วงที่เข้ามาทุบทำลายสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ
การประท้วงในฮ่องกงเกิดขึ้นเกือบทุกวัน ส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงักและเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาล กระนั้น น้อยครั้งมากที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาระหว่างเวลาทำงานในเขตศูนย์กลางธุรกิจและความรุนแรงมักเกิดขึ้นช่วงค่ำ ไม่ใช่ตอนกลางวันเช่นวันจันทร์
ฮ่องกงมีแต่เสียกับเสีย
โฆษกตำรวจฮ่องกง จอห์น เจ๋อ กล่าวในการแถลงข่าววันจันทร์ว่า พฤติการณ์อาละวาดวุ่นวายที่ยังคงเกิดขึ้นเวลานี้ “เป็นสถานการณ์ที่ทำให้ฮ่องกงมีแต่เสียกับเสีย” โดยที่ในการแถลงข่าวคราวนี้ เขายังได้เปิดคลิปวิดีโอแสดงเหตุการณ์ที่ชายเคราะห์ร้ายกำลังถูกจุดไฟเผาทั้งเป็น ตลอดจนเหตุการณ์ที่มี “ผู้ก่อการจลาจล” สวมชุดดำขว้างระเบิดขวดน้ำมันจนทำให้เกิดไฟไหม้ภายในตู้โดยสารรถไฟ
ขณะที่ แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ได้ออกมากล่าวปราศรัยถ่ายทอดโทรทัศน์ในตอนเย็นว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาเป็นสิ่งที่ไปไกลเกินกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยมาก และ “เวลานี้พวกผู้เดินขบวนคือศัตรูของประชาชน”
“ถ้ายังคงมีความคิดฝันหวานใดๆ กันอยู่อีกว่า ด้วยการทำให้ความรุนแรงบานปลายขยายตัว รัฐบาล...ฮ่องกงก็จะยินยอมอ่อนข้อให้แก่แรงบีบคั้น ให้เป็นที่พึงพอใจของสิ่งที่เรียกว่าข้อเรียกร้องทางการเมืองแล้ว ดิฉันขอใช้คำแถลงนี้พูดอย่างเสียงดังฟังชัดว่า นั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย”
ทางด้านบรรณาธิการใหญ่ของ โกลบอลไทมส์ แทบลอยด์ในเครือของเหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์ กล่าวให้ความเห็นว่า ตำรวจฮ่องกงไม่ควรต้องหวั่นกลัวอะไรทั้งสิ้น
“สิ่งที่หนุนหลังพวกคุณอยู่ ไม่ได้มีเพียงแค่ประชาชนของฮ่องกงและประชาชนจีนเท่านั้น แต่ยังมีทหารจีนและกองทัพปลดแอกประชาชนในฮ่องกงอีกด้วย” หู สือจิน บรรณาธิการใหญ่โกลบอลไทมส์ เขียนเอาไว้ในบล็อกของเขา “พวกเขาสามารถเข้าไปในฮ่องกงเพื่อให้ความสนับสนุนในเวลาใดก็ได้”
ทั้งนี้จีนมีค่ายทหารแห่งหนึ่งในฮ่องกงซึ่งมีกำลังทหารประมาณ 12,000 คน ทหารเหล่านี้เก็บตัวอยู่แต่ในค่ายตลอดระยะเวลาที่เกิดความไม่สงบคราวนี้ขึ้นมา แต่ก็ประกาศว่าจะบดขยี้ความพยายามใดๆก็ตามทีที่จะแยกตัวเป็นเอกราช ซึ่งนี่เป็นข้อเรียกร้องของพวกผู้ประท้วงกลุ่มน้อยนิดจำนวนหนึ่ง
ความวุ่นวายในมหาวิทยาลัย
ความไม่สงบในวันจันทร์ยังแผ่ลามไปถึงย่านมองก็อกในเกาลูน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีผู้พำนักอาศัยหนาแน่น และเป็นจุดที่เกิดการปะทะกันตามท้องถนนอยู่บ่อยครั้ง โดยคราวนี้ตำรวจได้ใช้เครื่องฉีดน้ำขนาดยักษ์และการยิงแก๊สน้ำตาเพื่อขับไล่ผู้ประท้วงให้กระจัดกระจายออกไป แต่พวกผู้ประท้วงก็พยายามกลับมารวมกลุ่มกันใหม่ พร้อมกับขุดเอาก้อนอิฐออกมาขว้างใส่ตำรวจ รวมทั้งปิดกั้นกีดขวางการสัญจรบนถนนนาธาน ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักของย่านดังกล่าว มีคนขับแท็กซี่ผู้หนึ่งซึ่งขับรถเข้าไปใกล้ฝูงชน ได้ถูกม็อบดึงตัวลงมารุมซ้อม
การปะทะกันทำท่าจะยืดเยื้อไปถึงช่วงกลางคืน เช่นเดียวกับหลายๆ คราวที่ผ่านมา
ตำรวจบอกว่ามีสถานที่ต่างๆ มากกว่า 120 แห่งถูกทุบทำลายเสียหายหรือถูกปิดกั้นในวันจันทร์ และมีผู้ถูกจับกุม 266 คนนับตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว (4)
สำหรับความรุนแรงในวันจันทร์เกิดขึ้นหลังจากนักศึกษาหนุ่มแซ่โจว คนหนึ่งเสียชีวิตในโรงพยาบาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8) หลังตกจากอาคารที่จอดรถซึ่งอยู่ใกล้ๆ ขณะตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในวันจันทร์ ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปที่มหาวิทยาลัยไชนีส ยูนิเวอร์ซิตี หลังจากพวกนักศึกษาขว้างระเบิดขวดน้ำมันเข้าใส่ และตั้งเครืองกีดขวางปิดกั้นเขตมหาวิทยาลัยจนมีสภาพเหมือนเป็นป้อมค่าย มีรายงานว่าตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาไปอย่างน้อย 4 ราย
“ผมมีความรู้สึกหมดหนทางที่จะได้ความช่วยเหลือใดๆ อย่างแรงมาก” นักศึกษาของไชนีส ยูนิเวอร์ซิตี ผู้หนึ่งซึ่งให้ชื่อของเขาว่า ชาน กล่าว “ใครจะต้องการเข้าเรียนกันละ ถ้าพวกเขาสามารถทำได้ รัฐบาลยังคงไม่ยอมรับฟังเราเลย”
ด้านมหาวิทยาลัยแถลงว่า จะต้องระงับการเรียนการสอนอีกวันหนึ่งในวันอังคาร (12)
ส่วนที่มหาวิทยาลัยโปลีเทคนิค ซึ่งอยู่ทางฝั่งเกาลูนของอ่าววิกตอเรีย มีพวกผู้ประท้วงโยนระเบิดขวดน้ำมันเข้าใส่ตำรวจ และที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง ที่ตั้งอยู่บนเกาะฮ่องกงก็เช่นกัน มีการโยนระเบิดขวดน้ำมันมุ่งเล่นงานตำรวจเช่นกัน