รอยเตอร์ - พวกผู้ชุมนุมฮ่องกงมีแผนจัดกิจกรรมประท้วงแฟลชม็อบ(Flashmob) ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆในวันศุุกร์(1พ.ย.) หลังจากเกิดการปะทะที่ย่านบาร์แห่งหนึ่งใจกลางเมืองเมื่อคืนวันพฤหัสบดี(31ต.ค.) ในขณะที่ โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาชนเรือนแสนออกมาเดินขบวนบนท้องถนนในวันเสาร์(2พ.ย.) ไม่สนข้อมูลล่าสุดที่ยืนยันว่าการชุมนุมได้ฉุดเศรษฐกิจของเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยแล้ว
เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พวกผู้ประท้วงในชุดสีดำ สวมหน้ากากแม้ถูกแบน ทำตัวกลมกลืนกับเหล่านักท่องเที่ยวที่แต่งกายชุดแฟนซีวันฮัลโลวีน ชุมนุมกันท้องถนนในย่านลานไควฟง แหล่งรวมความบันเทิงในยามค่ำคืนบนเกาะฮ่องกง ถือเป็นครั้งแรกที่ย่านแห่งนี้ตกเป็นเป้าหมายของประท้วง
ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายฝูงชนในย่านธุรกิจใจกลางเมืองดังกล่าว ขณะที่มีเสียงตำหนิจากบรรดานักท่องเที่ยวที่คร่ำครวญว่าพวกเขาได้ทำลายอารมณ์และบรรยากาศของงงานปาร์ตีวันฮัลโลวีน
พวกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลไหลบ่าลงสู่ท้องถนนสายต่างๆของฮ่องกงมานานกว่า 5 เดือนและบางครั้งได้เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง ท่ามกลางความโกรธกริ้วต่อสิ่งที่เขามองว่าจีนกำลังแทรกแซงสิทธิเสรีภาพของเมืองแห่งนี้ที่ได้รับประกันเมื่อครั้งที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่การปกครองของจีนในปี 1997
โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อวันอังคาร(29ต.ค.) ถูกตัดสิทธิ์จากการลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังมาถึง ความเคลื่อนไหวที่เขาบอกว่า "มีแรงจูงใจทางการเมืองอย่างชัดเจน"
"เราเพิ่งทำให้ประชาคมนานาชาติได้รู้ความจริงว่าจีนโกงเลือกตั้งอย่างไรในฮ่องกง" หว่องบอกกับผู้สื่อข่าวในวันศุกร์(1พ.ย.) "หากประชาชนออกมามากๆ ไม่ใช่แค่เพียงหลักพัน แต่เป็นแสนๆที่ออกมาร่วมเดินขบวนบนท้องถนนในวันพรุ่งนี้ โลกจะได้รู้ว่าประชาชนชาวฮ่องกงกำลังต่อสู้เพื่อการเลือกตั้งอย่างเสรี"
พวกผู้ประท้วงต้องการสิทธิการเลือกตั้งอย่างเป็นสากลสำหรับฮ่องกง ดินแดนที่ผู้บริหารสูงสุดจะถูกเลือกจากรายชื่อผู้สมัครที่ได้รับการเห็นชอบจากปักกิ่ง โดยคณะกรรมาธิการการเลือกตั้งซึ่งมีสมาชิก 1,200 คนและส่วนใหญ่สนับสนุนรัฐบาลจีน
ในวันศุกร์(1พ.ย.) พวกผู้นำจีนส่งสัญญาณว่าพวกเขาพร้อมเปลี่ยนแนวทางในการบริหารจัดการฮ่องกง โดยจะหาแนวทางที่สมบูรณ์แบบในการแต่งตั้งและปลดผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม
สถานการณ์ความไม่สงบถือเป็นความท้าทายของประชาชนอันใหญ่หลวงที่สุดที่รัฐบาลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงต้องเผชิญ นับตั้งแต่เข้าก้าวเข้าสู่อำนาจในช่วงปลายปี 2012
ในวันเสาร์(2พ.ย.) ผู้ชุมนุมวางแผนจะเดินขบวนจากสวนสาธารณะวิคตอเรียพาร์คด้านข้างย่านช็อปปิ้งคอสเวย์เบย์ ไปยังย่านเซ็นทรัล ทั้งนี้มันถูกแบนโดยตำรวจเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย แต่การชุมนุมฝักใฝ่ประชาธิปไตยอีก 2 จุดในย่านเซ็นทรัลในช่วงเย็นนั้นได้รับอนุญาตให้ดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามคำสั่งแบนใดๆของตำรวจก็ไม่เคยหยุดยั้งผู้ชุมนุมจากการเดินขบวนได้เลยสักครั้ง
เมื่อวันพฤหัสบดี(31ต.ค.) ศาลสูงฮ่องกงออกคำสั่งชั่วคราวห้ามประชาชนโพสต์และส่งต่อข้อความที่ปลุกปั่นยั่วยุหรือเสี่ยงก่อสถานการณ์รุนแรงบนสื่อสังคมออนไลน์ มาตรการที่เจ้าหน้าที่งัดมาใช้เป็นครั้งแรกในความพยายามควบคุมความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ แต่ความเคลื่อนไหวนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันอาจเป็นแบบอย่างที่เป็นอันตรายสำหรับการควบคุมอินเตอร์เน็ตต่อไป
คำสั่งแบนนี้มีผลไปจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน และกำหนดบังคับใช้กับทุกแฟลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต แต่ที่ถูกระบุชื่ออย่างเจาะจงเลยก็คือกระดานสนทนาออนไลน์อย่าง LIHKG และแอปพลิเคชั่นส่งข้อความ "เทเลแกรม" ซึ่งพวกผู้ประท้วงนิยมใช้ติดต่อสื่อสารกัน
เสียงเรียกร้องชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์(2พ.ย.) มีขึ้นแม้ข้อมูลรัฐบาลยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี(31ต.ค.) ว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยเป็นที่เรียบร้อยแล้วในไตรมาส 3 ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในปี 2008 ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการประท้วงที่ยืดเยื้อ
ในขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง การประท้วงได้ซ้ำเติมสถานการณ์ให้มันเลวร้ายลงไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาคค้าปลีกและการท่องเที่ยวอันสำคัญของเกาะแห่งนี้