เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวมีแผนที่จะถอดสิทธิการเข้าถึงชั้นความลับของบรรดาอดีตนหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI จอห์น เบรนแนน และ ไมเคิล เฮย์เดน อดีตผู้อำนวยการ CIA เจมส์ แคลปเปอร์ อดีตผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ รวมอยู่ในรายชื่อที่เข้าข่าย
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) ว่า ในการแถลงของโฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส ยืนยันแนวคิดถึง การถอดถอนสิทธิการเข้าถึงชั้นความลับของอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลด้านความมั่นคง เป็นผลมาจากการที่มีบางส่วนใช้ข้อมูลโจมตีผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
โดยทางทำเนียบขาวชี้ว่าเป็นผลมาจากการใช้อภิสิทธิ์การเข้าถึงชั้นความลับอย่างไม่ถูกต้อง
นอกเหนือจากรายชื่อของอดีตหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ เป็นต้นว่า เจมส์ โคมีย์ (James Comey) อดีตผู้อำนวยการ FBI จอห์น เบรนแนน (John Brennan) และ ไมเคิล เฮย์เดน (Michael Hayden) อดีตผู้อำนวยการ CIA เจมส์ แคลปเปอร์ (James Clapper) อดีตผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ยังรวมไปถึงอดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการ FBI แอนดรูว์ แม็กเคบ (Andrew McCabe) และอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาว ซูซาน ไรซ์ (Susan Rice) ในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา รวมอยู่ด้วย
ในแถลงการณ์วันจันทร์ (23) แซนเดอร์สกล่าวว่า “คนเหล่านี้พูดคุยทางการเมือง และในบางกรณี ยังทำรายได้จากการรับใช้ชาติและการได้สิทธิ์เข้าถึงชั้นความลับ” และกล่าวต่อว่า “การกล่าวหาที่ไร้มูลความจริงถึงการติดต่ออย่างไม่เหมาะสมกับรัสเซีย หรือการได้รับอิทธิพลจากรัสเซีย ต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
โฆษกทำเนียบขาวยังกล่าวต่อว่า “ความจริงที่กลุ่มคนที่เข้าถึงชั้นความลับเหล่านี้ต่างกล่าวหาโดยไร้ที่มา แสดงสิทธิความชอบธรรมอย่างไม่ถูกต้องในข้อกล่าวหาแต่ไม่มีใบเสร็จประกอบ”
สื่อรัสเซียชี้ว่า ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแต่ยังคงเก็บสิทธิการเข้าถึงชั้นความลับไว้ ตัวอย่างเช่น จอห์น เบรนแนน อดีตผู้อำนวยการ CIA ในช่วงระหว่าง มี.ค. 2013 - ม.ค. 2017 ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ความมั่นคงสหรัฐฯ ระดับอาวุโสแก่สถานีโทรทัศน์ MSNBC เริ่มเมื่อกุมภาพันธ์ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าเขาได้ออกรายการโดยแสดงถึงในบทบาทการเสนอข่าวและการวิเคราะห์ทางการเมืองต่อการประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำสหรัฐฯและประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในกรุงเฮลซิงกิ ฟินแลนด์
ในการทวีต เบรนแนนกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่การแสดงความเห็นของทรัมป์นั้นโง่เขลา แต่เขายังอยู่ในอุ้งมือของปูตินเรียบร้อยแล้ว พวกรีพับลิกันที่รักชาติอยู่ที่ไหนกันหมด?”
ในขณะที่อดีตผู้อำนวยการ FBI เจมส์ โคมีย์ ที่ถูกทรัมป์ไล่ออกกลางอากาศ ได้ออกมาทวีตเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐฯหันมาเลือกตัวแทนจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะถึงในปลายปีนี้
ส่วนเจมส์ แคลปเปอร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯระหว่างปี 2010-2017 ในสมัยโอบามาได้บ้านใหม่ที่สถานีโทรทัศน์ CNN ได้ออกมาชี้ว่า เขาเกรงว่าทรัมป์อาจจะเปิดเผยความลับของสหรัฐฯให้ปูตินได้รู้ ระหว่างการประชุมซัมมิตเฮลซิงกิ หรือการพบปะก่อนหน้า
การออกมาให้ความเห็นของแคลปเปอร์สร้างความโกรธให้กับทางฝ่ายพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะกับ ส.ว.รัฐเคนตักกี แรนด์ พอล (Rand Paul) ที่ได้เสนอแนวคิดการยกเลิกสิทธิการเข้าถึงชั้นความลับของอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเหล่านี้ในระหว่างการหารือร่วมกับทรัมป์ในวันจันทร์ (23)
อย่างไรก็ตาม RT ตั้งข้อสังเกตว่า โฆษกทำเนียบขาวไม่กล่าวแสดงเหตุผลว่าเหตุใดแม็กเคบและไรซ์จึงถูกรวมกลุ่มในข่ายที่จะถูกถอดสิทธิ์ด้วยเพราะดูเหมือนคนทั้งคู่จะเก็บตัวเงียบ และไม่แสดงความเห็นต่อสาธารณะมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ
ทั้งนี้ ซูซาน ไรซ์ เป็นผู้ออกมาเปิดเผยตัวตนของไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ คนแรกของทรัมป์ ส่วนแอนดรูว์ แม็กเคบนั้นมีลายเซนต์หนึ่งในการขอหมายศาลFISA เพื่ออนุญาตให้สอดแนมอดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศทีมหาเสียงของทรัมป์ คาร์เตอร์ เพจ (Carter Page)