เอเจนซีส์/เอพี/รอยเตอร์ - โฆษกทำเนียบขาวยืนยันเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ เชิญผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน มาเยือนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้นำรัสเซียปิดห้องให้ข้อมูลกับนักการทูตของตัวเอง ชี้ได้เสนอแผนการจัด “ประชามติในยูเครนตะวันออก” ระหว่างประชุมหารือซัมมิตกับผู้นำสหรัฐฯในกรุงเฮลซิงกิเมื่อต้นสัปดาห์นี้
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) พบว่าซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวแถลงในวันพฤหัสบดี (19) ว่า ทางผู้นำสหรัฐฯ ได้ขอให้ที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาว จอห์น โบลตัน ได้ออกคำเชิญอย่างเป็นทางการไปยังประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน สำหรับการหารือ “ระดับการทำงาน” ระหว่างผู้นำ 2 ชาติ ซึ่งเป็นการเยือนทำเนียบขาวคาดว่าจะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึง โดยในแถลงการณ์โฆษกทำเนียบขาวอ้างไปถึงการหารือระหว่างทรัมป์และปูตินที่กรุงเฮลซิงกิว่า ได้มีการตกลงที่จะมีการหารือเพิ่มเติมในระดับกรอบการทำงานของเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติของทั้งสองชาติ
RT สื่อรัสเซียชี้ว่า ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (19) ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตถึงความคาดหวังในการพบกับปูตินรอบที่ 2 ที่ทำเนียบขาว เพื่อที่คนทั้งคู่จะสามารถสานต่อในสิ่งที่ได้พูดคุยค้างไว้
“ในหลายหัวข้อที่ได้มีการหารือรวมไปถึง การหยุดยั้งการก่อการร้าย ความมั่นคงสำหรับอิสราเอล การเพิ่มจำนวนนิวเคลียร์ การโจมตีทางไซเบอร์ การค้า ยูเครน ตะวันออกกลาง เกาหลีเหนือและอื่นๆ”
และกล่าวต่อว่า “มีคำตอบมากมาย บางอย่างง่ายบางอย่างยาก ต่อปัญหาเหล่านี้...แต่ทั้งหมดสามารถแก้ไขได้” พร้อมกับยืนยันว่า เขาเฝ้ารอต่อการพบกันครั้งที่ 2 เพื่อที่จะสามารถทำให้หลายสิ่งเกิดขึ้นจากหลายสิ่งที่ได้หารือไปในระหว่างการประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-รัสเซียที่กรุงเฮลซิงกิ
เอพีชี้ว่า เป็นระยะเวลานานร่วมเกือบ 10 ปีที่ผู้นำรัสเซียไม่ได้มาเยือนทำเนียบขาว โดยรอยเตอร์รายงานว่า ในวันพฤหัสบดี (19) ทั้งทรัมป์และปูตินต่างออกมากล่าวชื่นชมการประชุมซัมมิตที่ฟินแลนด์ครั้งแรกของคนทั้งคู่ว่าประสบความสำเร็จ
โดยในกรุงมอสโก ปูตินกล่าวถึงการประชุมซัมมิตว่า “ประสบความสำเร็จในภาพรวม และนำมาสู่ข้อตกลงบางอย่างที่มีประโยชน์ “ โดยปราศจากการชี้แจงในรายละเอียดถึงข้อตกลงที่ว่า
ทั้งนี้พบว่า ผู้นำรัสเซียได้เปิดเผยกับบรรดานักการทูตของเขาถึงสิ่งที่เขาได้กล่าวกับผู้นำสหรัฐฯ ในระหว่างการพบกันที่ฟินแลนด์ โดยในรายงานของบลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจในวันพฤหัสบดี (19) พบว่าปูตินได้เสนอแผนการ จัดประชามติในยูเครนตะวันออกแก่ผู้นำสหรัฐฯ แต่รับปากว่าจะยังไม่บอกในรายละเอียดต่อสาธารณะ เพื่อให้เวลาทรัมป์ได้ใช้เวลาไตร่ตรอง อ้างอิงจากแหล่งข่าว 2 คนที่ได้เข้าร่วมในการแถลงแบบปิดห้องประชุมเมื่อวานนี้(19)
เป็นเสมือนความพยายามที่จะทำให้สงครามแบ่งแยกดินแดนนาน 4 ปีสิ้นสุดลง แต่ทว่าสื่อธุรกิจชี้ว่า ***แนวคิดนี้ยากที่จะรับสำหรับฝ่ายชาติยุโรปที่หนุนหลังเคียฟและยูเครนเอง***
ในการเปิดเผยถึงการจะจัดการลงประชามติ พบว่าประธานาธิบดีรัสเซียปิดห้องหารือกับบรรดาเอกอัครราชทูตรัสเซียคนสำคัญ และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่กระทรวงต่างประเทศรัสเซียในกรุงมอสโก ซึ่งหนึ่งในแหล่งข่าวกล่าวว่า ผู้นำสหรัฐฯขอไม่ให้ปูตินเปิดเผยถึงแผนการจัดการประชามติยูเครนตะวันออกในระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงเฮลซิงกิ
ภายใต้ข้อเสนอการลงประชามตินี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า จะถูกจัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของนานาชาติ ซึ่งประชาชนในพื้นที่อิทธิพลของกลุ่มกบฎจะได้รับโอกาสแสดงความเห็นถึงสถานะของพวกเขาหรือเธอเอง CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า เนื้อหาการจัดประชามติเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กลุ่มกบฏประกาศว่าต้องการเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
ทางปูตินได้ชี้ไปที่การจัดการลงประชามติในไครเมียปี 2014 ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ในที่การแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์หลังจากเสร็จสิ้นการซัมมิตในวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า “ทางเราเชื่อว่าได้จัดการลงประชามติที่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ” และชี้ว่า “ซึ่งประเด็นนี้ได้ยุติลงแล้วสำหรับรัสเซีย”
การทำประชามติครั้งประวัติศาสตร์เมื่อต้นปี 2014 เป็นเหตุให้ทางรัสเซียใช้เป็นข้ออ้างในการเข้าผนวกแหลมไครเมียจนเป็นสาเหตุที่ทำให้สหรัฐฯและชาติตะวันกตกทำการคว่ำบาตร
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา พบว่าผู้นำรัสเซียได้ตกลงกับประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก ในการลงนามคำสั่งยอมรับหนังสือเดินทางและเอกสารอื่นๆที่ออกโดยรัฐบาลกบฎยูเครนในลูแกนสค์และโดเนสค์ ซึ่งใน 2 พื้นที่นี้ได้ประกาศให้สกุลเงินรูเบิลเป็นสกุลเงินที่ถูกใช้อย่างเป็นทางการในพื้นที่