เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนกรานในวันพุธ (18 ก.ค.) ว่าการประชุมซัมมิตระหว่างเขากับวลาดิมีร์ ปูติน นั้นประสบความสำเร็จ แม้มีเสียงโวยวายต่อคำแถลงของเขาที่เหมือนยอมรับคำปฏิเสธไม่ได้แทรกแซงศึกเลือกตั้งอเมริกาของผู้นำรัสเซีย เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำให้เขาต้องออกมาแก้ตัวแบบข้างๆ คูๆ
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ อาจยิ่งซ้ำเติมความกังวลแก่นานาชาติ หลังเขาก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับพันธสัญญาของสหรัฐฯต่อหลักการป้องกันประเทศร่วมกันของนาโต โดยเรียกร้องให้ขับไล่สมาชิกใหม่อย่างมอนเตเนโกร ด้วยเตือนว่าประชาชนผู้ก้าวร้าวของมอนเตเนโกรอาจดึงพันธมิตรนาโตเข้าสู่การทำสงครามกับรัสเซีย
ท่ามกลางเปลวไฟแห่งความโกรธต่อการประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกรณีที่ ทรัมป์ ล้มเหลวในการท้าทาย ปูติน ระหว่างการแถลงข่าว ทำให้ประธานาธิบดีอเมริกากลับลำแทบไม่ทันและพยายามแก้ต่างพัลวันเมื่อวันอังคาร (17 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ (18 ก.ค.) ทรัมป์อ้างว่าเขาสามารถคาดหวังสิ่งบวกมากมายจากการประชุมที่เขาและปูตินพูดคุยหารือกันอย่างลับๆ แบบตัวต่อตัวผ่านล่ามราว 2 ชั่วโมง “ในขณะที่การประชุมนาโตในบรัสเซลส์คือชัยชนะอย่างที่ทราบกัน ด้วยประเทศสมาชิกยอมสมทบทุนอีกหลายพันล้านดอลลาร์ในอัตราที่เร็วขึ้น การประชุมกับรัสเซียอาจพิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นความสำเร็จที่ยืนยาวหรือแม้กระทั่งยิ่งใหญ่กว่า” ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี
“เจ้าหน้าที่ระดับสูงมากมายของหน่วยข่าวกรองชอบในผลงานการแถลงข่าวของผมในเฮลซิงกิ” ทรัมป์กล่าวต่อ “แต่ที่บางคนเกลียดมัน เกลียดข้อเท็จจริงที่ว่าผมเข้ากันได้ดีกับประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย พวกเขาอยากเห็นสงครามมากกว่าสิ่งนี้ แบบนี้มันเรียกว่าโรควิกลจริตทรัมป์!”
ระหว่างแถลงข่าวในเฮลซิงกิ หลังประชุมซัมมิต แทนที่จะประณามปูติน ทรัมป์กลับยกย่องประมุขเครมลินที่ปฏิเสธอย่าง “เข้มแข็งและหนักแน่น” ว่ารัสเซียไม่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ตามที่หน่วยงานด้านข่าวกรองของอเมริกาสรุป ทรัมป์ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวขณะยืนคู่กับปูตินว่า ไม่เห็นเหตุผลว่า ทำไมรัสเซียต้องทำแบบนั้น
แต่หลังจากต้องเผชิญเสียงขุ่นเคืองภายในประเทศ ในนั้นรวมถึงพันธมิตรทางการเมืองของเขาบางส่วนซึ่งถึงขั้นเรียกร้องให้เขาถอนคำพูด ทรัมป์ให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบขาวว่าเขาพูดผิด โดยอันที่จริงตั้งใจจะกล่าวว่า ไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมถึงจะไม่ใช่รัสเซีย
การสืบสวนข้อกล่าวหารัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งและความเป็นไปได้ที่จะมีการสมคบคิดระหว่างมอสโกกับทีมหาเสียงของทรัมป์ของอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ได้เพิ่มแรงกดดันแก่ทำเนียบขาว ในขณะที่ ทรัมป์ เคยประณามการสืบสวนดังกล่าวว่าเป็น “การล่าแม่มด” และในวันอังคาร (17 ก.ค.) เขาย้ำอีกครั้งว่าไม่มีการสมคบคิดใดๆ
อย่างไรก็ตาม การสืบสวนมีความคืบหน้าและได้มีการยื่นฟ้องจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหารของรัสเซีย 12 คนเมื่อวันศุกร์ (13 ก.ค.) จังหวะเวลาที่สร้างความตะขิดตะขวงใจแก่ทรัมป์และปูติน ก่อนการประชุมซัมมิต
ทรัมป์ พบว่าตนเองแทบไม่ได้รับการสนับสนุนจากสองฟากฝั่งทางการเมืองต่อการตัดสินใจของเขาที่เลือกไม่เผชิญหน้ากับผู้นำรัสเซีย โดยเหล่า ส.ส.ของรีพับลิกันเองเรียกร้องขอข้อมูลที่แน่ชัดว่ามีการหารือหรือเจรจากันเรื่องอะไรในเฮลซิงกิ
“เราไม่รู้เลยว่าท่านประธานาธิบดีของเรานั้นพูดอะไรไปบ้างระหว่างการประชุมนาน 2 ชัาวโมง” ส.ส.ไรอัน คอสเตลโล จากรีพับลิกันบอกกับซีเอ็นเอ็น พร้อมแสดงความกังวลเกี่ยวกับคำพูดต่างๆ ที่กำลังสร้างความเสียหายแก่ตัวทรัมป์เอง “คำพูดที่ออกมาจากปากประธานาธิบดีไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อนาโต และก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อเสถียรภาพระหว่างประเทศเลย”
ด้านสมาชิกพรรคเดโมแครตบางส่วนเรียกร้องให้พวกแกนนำในวุฒิสภาออกหมายเรียกล่ามของทรัมป์ให้ปากคำและขอดูบันทึกจากการประชุม เพื่อสภาคองเกรสสามารถทราบได้ว่าทรัมป์กับปูตินหากันเรื่องอะไร