รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวโจมตีสหภาพยุโรป (อียู) ว่าเป็น “ศัตรูในทางการค้า” ไม่ต่างจากจีนและรัสเซีย ในบทสัมภาษณ์ซึ่งถูกนำมาออกอากาศเพียง 1 วันก่อนที่การประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จะเปิดฉากขึ้นที่กรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์
ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ Face the Nation ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ทรัมป์ กล่าวว่าอียูถือเป็นศัตรู (foe) ทางเศรษฐกิจของอเมริกาเช่นเดียวกับจีนและรัสเซีย “ผมคิดว่าสหภาพยุโรปก็คือศัตรู เมื่อมองจากสิ่งที่พวกเขาทำต่อเราในเรื่องการค้า”
การประชุมสุดยอดที่เฮลซิงกิในวันนี้ (16) จะถือเป็นการพบหน้า ปูติน แบบตัวต่อตัวครั้งแรกตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว
ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางไปถึงเมืองหลวงฟินแลนด์เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ (15) หลังเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนสหราชอาณาจักร และปลีกตัวไปออกรอบที่สนามกอล์ฟส่วนตัวในสกอตแลนด์
การพบกันที่เฮลซิงกิครั้งนี้สร้างความหวั่นวิตกต่อชาติพันธมิตรนาโต ซึ่งเกรงว่า ทรัมป์ จะถูก ปูติน ล่อหลอกให้ทำข้อตกลงสำคัญๆ ซึ่งจะบั่นทอนกลุ่มความร่วมมือทางทหารที่มีสหรัฐฯ เป็นหัวเรือใหญ่
ขณะร่วมประชุมซัมมิตนาโตที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ได้ตำหนิพันธมิตรนาโตหลายประเทศที่ไม่ยอมจ่ายงบทางทหารเพิ่มขึ้นตามที่ตกลงกัน พร้อมตั้งคำถามตรงๆ ว่าวัตถุประสงค์ของนาโตคืออะไร
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกำแพงภาษีของอียูว่าทำให้บริษัทอเมริกันส่งออกสินค้าไปขายได้ยาก
หลังจากที่ ทรัมป์ ตราหน้าอียูว่าเป็นศัตรูได้ไม่นาน โดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป ก็ทวีตข้อความย้อนเกล็ดด้วยวาทกรรม "fake news" ที่ผู้นำสหรัฐฯ ชอบใช้อยู่บ่อยๆ
“อเมริกากับสหภาพยุโรปเป็นมิตรที่ดีที่สุด... ใครก็ตามที่พูดว่าเราเป็นศัตรูกันกำลังเผยแพร่ fake news”
ทรัมป์ และบรรดาผู้ช่วยคนสนิทพยายามลดความคาดหวังที่ทุกฝ่ายมีต่อซัมมิตครั้งนี้ และตัวเขาเองก็ยอมรับกับซีบีเอสว่า “ผมไปโดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก”
จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ This Week ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้มุ่งหวังผลที่เป็นรูปธรรม (deliverables) และการพบปะระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน จะ “ไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจน” (unstructured) โดยเริ่มจากการหารือแบบตัวต่อตัวระหว่างผู้นำทั้งสอง
กระบวนการสอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 เป็นมรสุมรุมเร้าทำเนียบขาวตลอด 1 ปีเศษๆ ที่ผ่านมา โดย ทรัมป์ ยืนยันว่าทีมหาเสียงของเขาไม่ได้สมคบกับรัสเซีย ส่วนมอสโกก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยก้าวก่ายการเลือกตั้งในสหรัฐฯ
การประชุมสุดยอดคราวนี้มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่คณะลูกขุนใหญ่สหรัฐฯ ประกาศตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซีย 12 คนฐานแฮกอีเมลพรรคเดโมแครต และเผยแพร่ข้อมูลทำลายชื่อเสียง ฮิลลารี คลินตัน ในช่วงโค้งสุดท้ายของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016
ผู้สื่อข่าวซีบีเอสได้สอบถาม ทรัมป์ ว่าเขาจะขอให้ ปูติน ส่งตัวเจ้าหน้าที่รัสเซียทั้ง 12 คนมาต่อสู้คดีในสหรัฐฯ หรือไม่ ซึ่ง ทรัมป์ ก็ตอบว่าอาจจะขอ ทว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญรัสเซียนั้นระบุชัดเจนว่าห้ามการเนรเทศพลเมืองของตนเอง
“ผมยังไม่ได้คิดถึงประเด็นนั้น แต่แน่นอนว่าผมจะต้องถามเขาดู” ทรัมป์ กล่าว