xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวดีหรือข่าวร้าย? “ทรัมป์” ปรับแผนรีบกลับบ้านหลังซัมมิต “คิม” อ้างเจรจาโสมแดงได้เร็วกว่าที่คาดไว้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ในฐานะเจ้าภาพ จับมือต้อนรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เอพี/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนออกเดินทางจากสิงคโปร์ก่อนกำหนด ภายหลังการประชุมซัมมิตกับผู้นำคิม จองอึน ในวันอังคาร (12 มิ.ย.) ทำเนียบขาวแถลงสั้นๆ เมื่อวันจันทร์ (11) พร้อมกับประกาศว่าการเจรจากับเกาหลีเหนือคราวนี้ดำเนินไป “รวดเร็วกว่าที่เคยคาดหมายกันไว้” โดยที่ก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯได้ทำนายไว้ว่าผลลัพธ์ของการหารือจะออกมา “ดี” ขณะที่ประมุขเกาหลีเหนือก็บตัวเงียบกริบ

ทรัมป์เคยวางกำหนดการเอาไว้ว่าจะบินกลับกรุงวอชิงตันตอนเช้าวันพุธ (13) หลังใช้เวลาทั้งวันอังคารหารือกับผู้นำเกาหลีเหนือที่สิงคโปร์ แต่ในวันก่อนหน้าจะมีการประชุมซัมมิต เขาก็เปลี่ยนแปลงกำหนดการ โดยเลือกที่จะกลับในเวลาประมาณ 2 ทุ่มคืนวันอังคาร หรือเร็วขึ้นจากที่วางแผนเอาไว้เดิมเกือบๆ 15 ชั่วโมง

“การเจรจาหารือระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือกำลังดำเนินอยู่ และเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดหมายเอาไว้” ทำเนียบขาวระบุในคำแถลง

เฉพาะหน้านี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า มีความคืบหน้าเป็นพิเศษอย่างไรหรือไม่จากการเจรจาหารือเบื้องต้นระหว่างคณะเจ้าหน้าที่ของฝ่ายสหรัฐฯกับของฝ่ายโสมแดง ในการเตรียมการสู่การประชุมซัมมิตวันอังคาร อันที่จริงแล้ว เพียงไม่กี่ช่วโมงก่อนหน้าการแถลงของทำเนียบขาวนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ดูเหมือนลดความคาดหวังต่อซัมมิตคราวนี้ ซึ่งทรัมป์ได้เคยทำนายเอาไว้ว่ามีศักยภาพที่อาจจะได้ข้อตกลงยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ ในระหว่างการพูดจากันทีเดียว

ทั้งนี้ พอมเพโอกล่าวในช่วงค่ำวันจันทร์เพียงแค่ว่า “เรากำลังวาดหวังว่าซัมมิตนี้จะจัดเตรียมเงื่อนไขต่างๆ สำหรับการพูดจาที่จะประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคต”

สำหรับการประชุมสุดยอดในวันอังคารนั้น ทำเนียบขาวระบุว่าจะมีขึ้นในเวลา 9.00 น. วันอังคาร (8.00 น. ตามเวลาไทย) บนเกาะเซนโตซาของสิงคโปร์ ซึ่งจะเริ่มด้วยการจับมือระหว่างทรัมป์ กับ คิม จองอึน

จากนั้นทั้งคู่จะหารือกันเป็นการส่วนตัวนาน 2 ชั่วโมงโดยมีเพียงล่ามที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในห้องประชุมด้วย ก่อนจะอนุญาตให้บรรดาที่ปรึกษาของทั้งสองฝ่ายร่วมประชุมด้วยอีก 1 ชั่วโมง

ซัมมิตครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำเกาหลีเหนือได้พบกับประธานาธิบดีอเมริกันที่ยังอยู่ในตำแหน่ง

ระหว่างพบหารือกับ ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีประเทศเจ้าบ้านเมื่อวันจันทร์ ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นกับผู้นำสิงคโปร์ว่า การประชุมที่น่าสนใจมากกำลังจะเกิดขึ้น และตัวเขาคิดว่า ผลลัพธ์จะออกมาดีมากๆ

ส่วน ลี ได้บอกระหว่างหารือกับผู้นำคิมเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทั่วโลกกำลังจับตาการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ

ทรัมป์และคิมเดินทางถึงสิงคโปร์ตั้งแต่วันอาทิตย์และเข้าพักในโรงแรมหรูที่อยู่ห่างกันไม่ถึงครึ่งไมล์ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด โดยทรัมป์พักที่โรงแรมแชงกรี-ลา ส่วนคิมพักที่โรงแรมเซนต์ รีจิส

ในวันจันทร์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือประชุมกันที่โรงแรมริตซ์-คาร์ลตัน เพื่อสะสางประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับคลังแสงนิวเคลียร์ของเปียงยาง โดยคณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายจะสรุปเป้าหมายที่ทรัมป์และคิมต้องพยายามทำให้บรรลุผล และสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ประเด็นสำคัญๆ ได้รับการคลี่คลาย รวมทั้งเพื่อทำความคุ้นเคยระหว่างกันหลังจากที่อเมริกาและเกาหลีเหนือมีการติดต่อกันน้อยมากตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

กระนั้น ยังคงปรากฏสัญญาณความตึงเครียดให้เห็นจากการที่เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือสอดส่องเจ้าหน้าที่อเมริกันที่จะเข้าร่วมในการประชุมอย่างใกล้ชิด อาทิ ล่าม ช่างภาพ และเจ้าหน้าที่สนับสนุน เนื่องจากไม่แน่ใจว่า คนเหล่านั้นจะเป็นสายลับปลอมตัวมาหรือไม่

รัฐมนตรีต่างประเทศพอมเพโอ ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ใช้เวลาช่วงเช้าหารือกับที่ปรึกษาระดับสูง โดยคณะผู้แทนของสหรัฐฯ ยังรวมถึงซัง คิม เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์ และไมเคิล แม็กคินลีย์ นักการทูตอาชีพที่พอมเพโอแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอาวุโส

พอมเพโอแถลงว่า การประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นมีสาระสำคัญและรายละเอียดมากมาย อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ “เตรียมพร้อมอย่างดี” ในการพบกับผู้นำเกาหลีเหนือ

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้นี้เดินทางไปเปียงยาง 2 ครั้งในช่วงไม่กี่เดือนนี้เพื่อกำหนดแนวทางสำหรับซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ และถือเป็นสมาชิกอาวุโสที่สุดในคณะบริหารของทรัมป์ที่ได้พบคิม

ทรัมป์เคยแสดงความหวังว่า จะทำให้เกาหลีเหนือยอมตกลงยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่นานมานี้เขายอมลดความคาดหวังโดยบอกว่า การประชุมครั้งนี้อาจเป็นแค่การเริ่มต้นความสัมพันธ์และอาจต้องนัดพบกันอีกหลายรอบ

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากยอมรับว่า แม้ยังสงสัยว่า คิมจะยอมยกเลิกโครงการอาวุธจริงหรือไม่และรวดเร็วเพียงใด แต่อีกใจก็หวังว่า แนวทางการทูตจะมาแทนที่การเป็นปรปักษ์ระหว่างวอชิงตันและเปียงยาง

ขณะเดียวกัน แม้บรรดาที่ปรึกษายืนยันว่า ทรัมป์ทบทวนประเด็นสรุปสำคัญแล้ว แต่เจ้าตัวกลับยืนกรานว่า ระหว่างพบกับคิม สัญชาติญาณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเขาจะรู้ได้เกือบในทันทีว่า ข้อตกลงจะลุล่วงหรือไม่

ด้านเปียงยางนั้นบอกว่า พร้อมสละคลังแสงนิวเคลียร์ทั้งหมด ถ้าอเมริกาให้การรับรองความปลอดภัยที่เชื่อถือได้และผลประโยชน์อื่นๆ กระนั้น ยังน่าสงสัยอย่างมาก เมื่อพิจารณาว่า คิมสร้างโครงการอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาด้วยความลำบากยากยิ่ง และอาวุธ “นุก” เป็นเครื่องรับประกันสำคัญในการยึดกุมอำนาจสูงสุดของเขา

ข้อตกลงนิวเคลียร์จะขึ้นอยู่กับความยินยอมพร้อมใจของเปียงยางในการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบต่างชาติเข้าตรวจสอบหัวรบและเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ซึ่งมีแนวโน้มว่า เก็บซ่อนอยู่ในโรงงานใต้ดินที่ลึกลับซับซ้อนจำนวนมาก โดยข้อตกลงนิวเคลียร์หลายฉบับในอดีตล้มเหลวจากการที่เกาหลีเหนือลังเลที่จะให้ต่างชาติเข้าไปตรวจ

อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จากซัมมิตครั้งนี้คือ ข้อตกลงยุติสงครามเกาหลีตามที่เปียงยางเรียกร้องมานาน ซึ่งอาจมีการตั้งเงื่อนไขให้อเมริกาถอนทหารออกจากคาบสมุทรเกาหลี และปูทางสู่การรวมชาติของสองเกาหลีในที่สุด

ทรัมป์ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการนัดประชุมสุดยอดครั้งใหม่และข้อตกลงยุติสงครามเกาหลีด้วยการประกาศสนธิสัญญาสันติภาพ และยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงในปี 1953 ซึ่งจีนและเกาหลีใต้ต้องร่วมลงนามด้วยเพื่อให้สนธิสัญญามีผลตามกฎหมาย


กำลังโหลดความคิดเห็น