xs
xsm
sm
md
lg

“ทรัมป์” เข้าพบ “ลี เซียนลุง” ขณะ จนท.มะกัน-โสมแดงหารือโค้งสุดท้ายก่อน “ซัมมิต”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง แห่งสิงคโปร์ จับมือทักทายกันที่ทำเนียบประธานาธิบดีอิสตานาในสิงคโปร์ วันนี้ (11 มิ.ย.)
รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวันนี้ (11 มิ.ย.) ว่าการประชุมซัมมิตกับผู้นำคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือน่าจะ “ได้ผลลัพธ์ที่ดี” ขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายพบปะหารือในช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อลดความเห็นต่างและแสวงหาจุดร่วมเกี่ยวกับแนวทางยุติการเผชิญหน้าทางนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีให้ได้มากที่สุด ก่อนที่การประชุมซัมมิตจะเปิดฉากขึ้นในวันอังคาร (12)

คิม และ ทรัมป์ ได้เดินทางมาถึงสิงคโปร์ตั้งแต่วันอาทิตย์ (10) ก่อนที่การพบปะซึ่งหน้าครั้งแรกระหว่างผู้นำ 2 ชาติที่คงความเป็นศัตรูอย่างเหนียวแน่นมาตั้งแต่ช่วงสงครามเกาหลีปี 1950-53 จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. ณ โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซา

เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นต่างในรายละเอียดของการปลดอาวุธนิวเคลียร์ เจ้าหน้าที่อเมริกันและเปียงยางจึงพยายามผลักดันวาระเหล่านี้ให้คืบหน้าไปได้มากที่สุด ก่อนถึงวันประชุมซัมมิต

สหรัฐฯ ได้มอบหมายให้ ซุง คิม เอกอัครราชทูตประจำฟิลิปปินส์และอดีตผู้แทนพิเศษฝ่ายนโยบายเกาหลีเหนือ นำคณะเจ้าหน้าที่อเมริกันเข้าร่วมการเจรจาระดับคณะทำงานกับฝ่ายเกาหลีเหนือในวันนี้ (11)

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การหารือระหว่างทั้งสองฝ่าย “เต็มไปด้วยแก่นสารและลงลึกถึงรายละเอียด” แต่ยังไม่มีถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการว่าได้ผลสรุปอย่างไร

ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง แห่งสิงคโปร์ และรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันในวันนี้ (11) โดย ทรัมป์ ได้แสดงมุมมองเชิงบวกว่า “เราจะมีการพบปะที่น่าสนใจอย่างยิ่งในวันพรุ่งนี้ และผมเชื่อว่ามันคงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก”

ทรัมป์ ยังบอกกับ ลี ด้วยว่า “เราขอขอบคุณการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ความเป็นมืออาชีพ และมิตรภาพของคุณ... คุณคือเพื่อนของผม”

สำหรับเมนูอาหารกลางวันของสองผู้นำมีทั้งซุปครีมกุ้งล็อบสเตอร์ (Lobster bisque), เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ และเค้กวันเกิดล่วงหน้าสำหรับ ทรัมป์ ซึ่งจะมีอายุครบ 72 ปีในวันพฤหัสบดี (14)

ทางฝ่ายผู้นำคิม จองอึน ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ภายในโรงแรมเซนต์รีจิสต์ เช่นเดียวกับ คิม โยจอง น้องสาวของเขาซึ่งร่วมเดินทางมาสิงคโปร์ในคราวนี้ด้วย

ขณะเดียวกัน เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชาวสิงคโปร์เกี่ยวกับการจราจรที่ติดขัด รวมถึงการที่รัฐบาลนำเงินภาษีประชาชนไปใช้รับรองและคุ้มกันผู้นำต่างชาติ

นายกฯ ลี ยอมรับว่า รัฐบาลของเขาใช้งบประมาณราว 20 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์เพื่อจัดการประชุมซัมมิตครั้งนี้ โดยกว่าครึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัย

“ขอบคุณนายกรัฐมนตรีลี ที่อุตส่าห์นำเงินภาษี 20 ล้านดอลลาร์ไปใช้ แทนที่จะเอามาช่วยชาวสิงคโปร์หลายๆ ครอบครัวที่กำลังเดือดร้อนให้อยู่รอด” ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งกล่าว

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือระบุว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะ “แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกในหลายเรื่อง” เพื่อรีเซ็ตความสัมพันธ์ใหม่ และยังยกย่องการประชุมซัมมิตระหว่าง ทรัมป์ และ คิม ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง”

ประเด็นหลักๆ ที่จะมีการพูดคุยกัน ได้แก่ “การจัดทำกลไกรักษาสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีอย่างยั่งยืนถาวร, แนวทางปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” เคซีเอ็นเอ รายงาน

รัฐบาลโสมแดงยืนยันมาโดยตลอดว่าจะไม่ยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ฝ่ายเดียว ดังนั้นคำว่า “ปลดอาวุธนิวเคลียร์” ที่เคซีเอ็นเออ้างถึงจึงน่าจะหมายความว่า เปียงยางต้องการให้สหรัฐฯ ถอนระบบคุ้มกันนิวเคลียร์ออกไปจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่า คิม จองอึน จะยอมละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ตามที่พูด และมองว่าที่ คิม ยอมเปิดเจรจาครั้งนี้คงเป็นเพราะต้องการให้สหรัฐฯ ยอมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจมากกว่า

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งยอมรับว่า รัฐบาลอเมริกันยอมเปิดเจรจากับเกาหลีเหนือโดยมีทั้งความคาดหวังและความลังเลสงสัยอยู่เท่าๆ กัน

“เราจะไม่รู้สึกประหลาดใจ ไม่ว่าจะอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม” เขากล่าว

เจ้าหน้าที่ผู้นี้ยังเอ่ยถึงกำหนดการประชุมซัมมิตคร่าวๆ ว่า ทรัมป์ และ คิม จะสนทนาแบบตัวต่อตัวในลักษณะของการพูดคุย “เพื่อทำความรู้จักกัน” (get to know you plus) ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจะมีการประชุมร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายอีกประมาณ 1 ชั่วโมง

ทรัมป์ เดินทางโดยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันมาลงที่ฐานทัพอากาศ ปายา เลอบาร์ ของสิงคโปร์เมื่อวานนี้ (10) หลังเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิตกลุ่ม G7 ที่แคนาดา ซึ่งทำให้บรรยากาศการค้าระหว่างประเทศตึงเครียดหนักขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวคนหนึ่งสอบถามว่าการประชุมซัมมิต G7 เป็นอย่างไรบ้าง ผู้นำสหรัฐฯ ก็ตอบว่า “ดีมาก”

ทรัมป์ ยังได้ทวีตข้อความในวันนี้ (11) ว่า “เยี่ยมจริงๆ ที่ได้มาสิงคโปร์ บรรยากาศช่างน่าตื่นเต้น!”

ทางด้านผู้นำเกาหลีเหนือเดินทางถึงสนามบินชางงีเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747 แบบเช่าเหมาลำของสายการบินแอร์ไชน่า โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงติดตามมาด้วยหลายคน เช่น รี ยองโฮ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ, โน กวางโชล รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และ คิม ยองโชล รองประธานคณะกรรมาธิการกลางพรรคแรงงานเกาหลีซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯ จนทำให้การประชุมซัมมิตเกิดขึ้นได้ในที่สุด

รัฐบาลสิงคโปร์ได้ส่ง วิเวียน บาลากฤษนัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ไปรอให้การต้อนรับ ทรัมป์ และ คิม ถึงที่สนามบิน

ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ที่แคนาดาเมื่อวันเสาร์ (9) ว่า ข้อตกลงใดๆ ก็ตามระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนืออาจเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน (spur of the moment) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผลของการเจรจายังไม่มีความแน่นอน

ทรัมป์ เคยประกาศว่าจะบีบให้โสมแดงล้มโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่รุดหน้าจนเป็นภัยคุกคามต่อแผ่นดินอเมริกา ทว่าในช่วงไม่กี่วันมานี้ดูเหมือนผู้นำสหรัฐฯ จะลดความคาดหวังลงมาบ้าง โดยยอมรับว่าการพบกันคราวนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นทำความรู้จักกับผู้นำคิม เพื่อนำไปสู่กระบวนการเจรจาขั้นต่อๆ ไป และทั้งสองฝ่ายอาจจำเป็นต้องจัดประชุมซัมมิตมากกว่า 1 ครั้ง
ซุง คิม หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของสหรัฐฯ เดินออกจากอาคารหลังเสร็จสิ้นการประชุมกับเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่สิงคโปร์ วันนี้ (11 มิ.ย.)


กำลังโหลดความคิดเห็น