เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - หนังสือพิมพ์เกาหลีใต้ จุงกัง อิลโบ( Joongang Ilbo) รายงานล่าสุด โดยอ้างแหล่งข่าวในสิงคโปร์เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ได้เชิญผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนเกาหลีเหนือ เพื่อร่วมการประชุมซัมมิตต่อรอบ 2 ที่กรุงเปียงยางในเดือนกรกฎาคมที่จะถึง ล่าสุดทำเนียบขาวแถลงยืนยัน ผู้นำสหรัฐฯจะพบกับผู้นำเกาหลีเหนือแบบ 1 ต่อ 1 ที่มีแค่ล่ามแปลภาษาเท่านั้นในช่วงแรกการหารือ ที่อาจนานถึง 2 ช.ม
ซึ่งแชเนลนิวส์เอเชียของสิงคโปร์ชี้ว่า การรายงานของ KCNA เสนอเป็นภาพนิ่งของคิม และวิดีโอคลิบแสดงผู้นำเกาหลีเหนือกำลังจับมือกับนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง
ส่วนบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พรรคแรงงานเกาหลีเหนือ โรดอง ชินมุน ( the Rodong Sinmun) ประกาศความมุ่งหวังปรับระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯให้เป็นปกติผ่านการตเจรจาและต่อรอง แต่ต้องยอมรับอำนาจความเป็นรัฐของเปียงยางก่อน
ทั้งนี้หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ส สื่อสิงคโปร์ รายงานวันนี้(11 มิ.ย)ว่า มีรายงานเปิดเผยออกมาจากหนังสือพิมพ์เกาหลีใต้ จุงกัง อิลโบ( Joongang Ilbo) ออกมา โดยสื่อเกาหลีใต้อ้างอิงจากแหล่งข่าวในสิงคโปร์ ระบุว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้เชิญประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯให้เดินทางไปเยือนกรุงเปียงยางในเดือนหน้านี้ สำหรับการประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือครั้งที่ 2 เพื่อหารือต่อในประเด็นการยุตินิวเคลียร์ที่จะอยู่ในการประชุมซัมมิตในวันอังคาร(12)
และในรายงานยังชี้ว่า หากว่าการประชุมซัมมิตในกรุงเปียงยางสามารถจัดได้ประสบความสำเร็จ อาจมีการเดินหน้าหารหารือการประชุมซัมมิตครั้งที่ 3 ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ของสหรัฐฯต่อไป ซึ่งก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเดินทางมายังสิงคโปร์ เขาเคยประกาศว่า มีแผนที่จะเชิญคิมไปเยือนทำเนียบขาวหากว่าการประชุมซัมมิตที่จะเกิดขึ้นในสิงคโปร์นั้นประสบความสำเร็จ
ด้านสำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า ข่าวการเดินทางของผู้นำเกาหลีเหนือวัย 34 ปีไปสิงคโปร์ได้รับการรายงานจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA เพื่อให้ประชาชนภายในประเทศรับทราบ รวมไปถึงเป็นการส่งข้อความออกไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลก ซึ่งนอกเหนือจากที่ได้รายงานถึงหัวข้อในการเจรจาบนโต๊ะหารือวันพรุ่งนี้(12) ระหว่างคิมและทรัมป์ รวมไปถึง การยุตินิวเคลียร์ และสร้างสันติภาพอย่างถาวรบนคาบสมุทรเกาหลี รวมไปถึงประเด็นอื่นๆที่เป็นความสนใจร่วมจากการเปลี่ยนแปลงทางยุคสมัย
ยอนฮับชี้ว่า ในรายงานข่าวพบว่าทาง KCNA ได้รายงานถึงกำหนดการของผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พบได้ยากในการรายงานทางการในเกาหลีเหนือ ซึ่งเริ่มตั้งแต่การที่ประธานาธิบดีคิมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศภายในท่าอากาศยานเปียงยางก่อนที่จะเดินทางขึ้นเครื่อง ในรายงานระบุว่า
“เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคและรัฐบาลต่างตั้งความหวังอย่างจริงใจต่อการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีของคิม จองอึนในการประชุมครั้งแรกระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK)และสหรัฐฯ และการเดินทางกลับมาด้วยความปลอดภัย”
ในการรายงานยังเปิดเผยว่า ผู้นำเกาหลีเหนือเดินทางไปพร้อมกับ คิม ยอง-โชล( Kim Yong-chol) รองประธานคณะกรรมการพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ WPK รี ซู-ยอง( Ri Su-yong ) รองประธานพรรค WPK ด้านกิจการระหว่างประเทศ และโน ควาง-โชล(No Kwang-chol) รัฐมนตรีกระทรวงกองกำลังประชาชนเกาหลีเหนือ
KCNA ได้กล่าวถึงการที่คิม จองอึนเข้าพบกับผู้นำสิงคโปร์ ลี เซียนลุง เป็นครั้งแรกว่า ผู้นำทั้งสองหารือในประเด็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีในทุกทาง ด้วยการแลกเปลี่ยนและมีความร่วมมือต่อกัน ในขณะที่ทนุบำรุงความสัมพันธ์ที่มีอยู่อย่างดีเยี่ยมต่อไป และทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างทั้งสองประเทศหยั่งรากลึก
ในขณะที่ในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์พรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ โรดอง ชินมุน ( the Rodong Sinmun) ได้กล่าวว่า *** เปียงยางมีความตั้งใจที่จะปรับระดับความสัมพันธ์กับวอชิงตันให้กลับสู่ระดับปกติ*** ผ่านการเจรจาและการต่อรอง แต่อย่างไรก็ตาม ทางโรดอง ชินมุน ย้ำถึงความสำคัญของการที่สหรัฐฯต้องยอมรับในอำนาจของรัฐบาลเกาหลีเหนือโดยชี้ว่า “การที่ยอมรับต่อความมีอำนาจเหนือดินแดนของประเทศหนึ่งนั้นถือเป็นเงื่อนไขในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเป็นธรรม”
สเตรทไทม์สรายงานว่า ล่าสุดทำเนียบขาวยืนยันการรายงานของสื่อบลูมเบิร์กที่ชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯจะพบกับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึนแบบ 1 ต่อ 1 พร้อมกับล่ามแปลภาษาในช่วงแรกของการประชุมซัมมิต แต่อย่างไรก็ตาม ในการรายงาน ไม่มีการเปิดเผยว่าการพบกันแบบ 1 ต่อ 1 นั้นจะกินระยะเวลานานเท่าใด
แต่ทว่าในการรายงานของCBS News สื่อสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์(10) ที่อ้างจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การเริ่มเปิดฉากการประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือจะเริ่มต้นจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีคิมจะพบกันแบบ 1 ต่อ 1 และมีเจ้าหน้าที่ล่ามแปลภาษาเท่านั้นภายในห้องประชุมในช่วงแรก
ซึ่งในวันจันทร์(11) แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เชื่อว่าการหารือแบบ 1 ต่อ 1 อาจนานถึง 2 ช.ม ก่อนที่การประชุมระดับทวิภาคีจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการที่บรรดาคณะที่ปรึกษาของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วมอยู่ด้วย แต่มาจนถึงเวลานี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่แน่ใจถึงทิศทางของการประชุมที่จะเกิดขึ้น