รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (7 มิ.ย.) แย้มถึงความเป็นไปได้ในการเชิญ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เยือนทำเนียบขาว หากเขาเล็งเห็นว่าการประชุมซัมมิตในสัปดาห์หน้าประสบความสำเร็จ แต่ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณว่าจะลุกจากโต๊ะเจรจาทันทีหากคิดว่าการหารือไม่ดำเนินไปอย่างราบรื่น
ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ทำเนียบขาว ทรัมป์ย้ำคำพูดของเขาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาและคิม จะลงนามในข้อตกลงยุติสงครามเกาหลี ปี 1950-53 ซึ่งสิ้นสุดจากข้อตกลงพักรบชั่วคราว ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ
“เราจะลงนามในข้อตกลง เช่นเดียวกับที่พวกคุณรู้ มันจะเป็นก้าวย่างแรก เรากำลังพิจารณามัน เรากำลังพูดคุยเรื่องนี้กับคนอื่นๆอีกหลายคน” ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (7 มิ.ย.) “นี่อาจเป็นส่วนที่ง่ายที่สุด และส่วนที่ยากที่สุดที่ยังเหลืออยู่คือหลังจากนั้น”
ทรัมป์แสดงความหวังว่าสักวันหนึ่งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัฐบาลเปียงยางของคิมจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ประเด็นหลักของที่ประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์กับคิม ในสิงคโปร์ วันที่ 12 มิถุนายนนี้ คือข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้เกาหลีเหนือละทิ้งโครงการนิวเคลียร์ซึ่งคุกคามอเมริกา อย่างไรก็ตาม เปียงยางปฏิเสธยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ฝ่ายเดียว
เกาหลีเหนือปกป้องโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของพวกเขาว่ามีไว้สำหรับป้องปรามสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นการรุกรานจากสหรัฐฯ ทั้งนี้ อเมริกามีทหารประจำการอยู่ในเกาหลีใต้มากถึง 28,500 อันเป็นมรดกตกทอดมาจากสงครามเกาหลี
ทรัมป์บอกว่าเขาจะออกจากการเจรจาทันทีหากรู้สึกว่าต้องทำแบบนั้น และจะยกระดับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่กำหนดเล่นงานเกาหลีเหนือ หากว่าเจรจาไม่เป็นไปอย่างราบรื่น
ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวไม่นานหลังจากให้การต้อนรับอาเบะที่เดินทางมาถึงทำเนียบขาว ว่ามันจำเป็นที่เกาหลีเหนือต้องละทิ้งโครงการนิวเคลียร์ “หากพวกเขาไม่ปลดนิวเคลียร์ก็จะไม่ยอมรับ” และเขาย้ำคำพูดดังกล่าวอีกครั้งระหว่างแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่า “ผมพร้อมเดินหนีออกมาโดยสิ้นเชิง”
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง ทรัมป์แย้มว่าเขาอาจเชิญคิมมาเยือนวอชิงตันหากการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมสัญญาว่าจะนำประเด็นลักพาตัวเกาหลีเหนือเข้าหารือกับคิม หลังจาก อาเบะ หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกับทรัมป์ระหว่างการสนทนาของทั้งสอง