รอยเตอร์ - รัฐบาลเกาหลีใต้อาสารับบทคนกลางไกล่เกลี่ยความไม่ลงรอยระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือในวันนี้ (17 พ.ค.) หลังจากเปียงยางขู่จะล้มเลิกแผนประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำคิม จองอึน กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. ณ ประเทศสิงคโปร์
โสมแดงประกาศจะทบทวนเรื่องแผนประชุมซัมมิตกับ ทรัมป์ เมื่อวันพุธ (16) โดยอ้างว่าไม่พอใจที่ถูกสหรัฐฯ กดดันให้ละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ฝ่ายเดียว
หนังสือพิมพ์อาซาฮีของญี่ปุ่นรายงานวันนี้ (17) ว่า สหรัฐฯ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือส่งหัวรบนิวเคลียร์ ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) และวัสดุนิวเคลียร์บางส่วนออกนอกประเทศภายใน 6 เดือน
อาซาฮีอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายคนซึ่งระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ได้กล่าวยืนยันระหว่างเข้าพบผู้นำคิม ในเดือนนี้ว่า สหรัฐฯ อาจถอดเกาหลีเหนือออกจากบัญชี “รัฐที่สนับสนุนก่อการร้าย” หากเปียงยางยอมส่งอาวุธและวัสดุนิวเคลียร์ออกนอกประเทศตามที่อเมริกาเรียกร้อง
สื่อฉบับนี้ยังบอกด้วยว่า หากผู้นำโสมแดงยอมทำข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์แบบ ตรวจสอบได้ และหวนกลับไปไม่ได้ในการประชุมซัมมิตกับ ทรัมป์ ที่สิงคโปร์ สหรัฐฯ ก็จะพิจารณารับรองความปลอดภัยให้แก่ระบอบคิม
แผนการประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือส่อแววง่อนแง่น หลังเปียงยางออกมาประณามการซ้อมรบทางอากาศระหว่างวอชิงตันและโซลว่าเป็น “การยั่วยุ” และขอยกเลิกการหารือระดับสูงกับเกาหลีใต้อย่างกะทันหันในวันพุธ (16)
ล่าสุด ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้ออกมาเสนอตัวเป็นคนกลางเชื่อมรอยร้าวระหว่างโสมแดงและอเมริกา
เจ้าหน้าที่โสมขาวระบุว่า ทำเนียบสีน้ำเงิน “จะแจ้งให้สหรัฐอเมริกาทราบอย่างเพียงพอเกี่ยวกับทัศนคติและจุดยืนของเกาหลีเหนือที่ฝ่ายเราเข้าใจ และจะอธิบายจุดยืนของสหรัฐฯ ให้เกาหลีเหนือทราบเช่นกัน” เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่ยังมีความเห็นต่างอยู่มาก
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยังมีถ้อยแถลงต่างหากในวันนี้ (17) โดยยืนยันว่าจะเดินหน้าหารือระดับสูงกับโสมแดงต่อไป หลังถูกอีกฝ่ายขอเลิกนัดกะทันหัน
ทรัมป์ จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับ มุน ในการประชุมซัมมิตที่ทำเนียบขาววันที่ 22 พ.ค. ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้นำทั้งสองจะได้ปรึกษาหารือ ก่อนที่การประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือจะเปิดฉากขึ้น
รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีน ออกมาเตือนวันนี้ (17) ว่าทุกฝ่ายควรจะยอมรับและตระหนักในสิ่งที่โสมแดงได้ทำเพื่อลดความตึงเครียด และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสหรัฐฯ ถนอมรักษาโอกาสที่จะสร้างสันติภาพ
การประชุมซัมมิตที่สิงคโปร์จะถือเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในตำแหน่งกับผู้นำเกาหลีเหนือ และนับเป็นความสำเร็จทางการทูตชิ้นโบแดงที่พอจะช่วยกู้หน้าให้ ทรัมป์ ได้บ้าง หลังถูกประชาคมโลกติเตียนที่นำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และสั่งย้ายสถานทูตประจำอิสราเอลไปยังนครเยรูซาเลมจนกลายเป็นชนวนเหตุปะทะนองเลือดระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์