รอยเตอร์ - รัฐบาลเกาหลีใต้สั่งปิดเครื่องขยายเสียงตามแนวชายแดนที่ใช้เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อข้ามไปยังฝั่งเกาหลีเหนือวันนี้ (23 เม.ย.) ก่อนที่การประชุมซัมมิตสองเกาหลีครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีจะเริ่มขึ้นในวันศุกร์ (27) ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตือนว่าวิกฤตนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีอาจต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรในการแก้ไข
เกาหลีเหนือและใต้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนที่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดี มุน แจอิน และผู้นำ คิม จองอึน จะเปิดฉากขึ้นในวันศุกร์ที่ 27 เม.ย. ณ หมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหาร
เครื่องขยายเสียงในฝั่งเกาหลีใต้ถูกปิดตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา โดยทางกระทรวงกลาโหมไม่ยืนยันว่าจะมีการเปิดใช้อีกครั้งหลังผ่านพ้นการประชุมซัมมิตหรือไม่
“เราหวังว่าการตัดสินใจ (ปิดเครื่องขยายเสียง) ครั้งนี้จะทำให้สองเกาหลีหยุดวิพากษ์วิจารณ์และโฆษณาชวนเชื่อโจมตีซึ่งกันและกัน และหันมามีส่วนร่วมสร้างสันติภาพและจุดเริ่มต้นใหม่” กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า เกาหลีเหนือสั่งปิดเครื่องขยายเสียงในฝั่งของตนด้วยหรือไม่ แต่ทราบมาว่าโสมแดงได้ปรับเสียงลำโพงให้เบาลง หลังพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองพยองชางของเกาหลีใต้ เมื่อเดือน ก.พ.
นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีที่เกาหลีใต้ยอมยุติการเผยแพร่ข่าวสาร เพลงป็อปโสมขาว และถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์ระบอบคิมผ่านลำโพงชายแดน ก่อนหน้านี้เคยมีการปิดลำโพงเมื่อช่วงกลางปี 2015 และเริ่มเปิดใช้งานอีกครั้งต้นปี 2016 หลังจากที่โสมแดงทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 4
หลายฝ่ายคาดหวังว่าแผนประชุมซัมมิตสองเกาหลี และการพบกันระหว่าง ทรัมป์ กับ คิม ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า คงจะช่วยให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีผ่อนคลายลงมาก หลังจากที่โสมแดงทดสอบนิวเคลียร์และยิงขีปนาวุธหลายระลอกจนบรรยากาศตึงเครียดหนักในปีที่แล้ว
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (21) ผู้นำคิมได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศจะเลิกทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป เพื่อหันมาส่งเสริมงานด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศแทน
ทรัมป์ ซึ่งออกมาแถลงชื่นชม คิม ในช่วงแรกๆ เริ่มแสดงท่าทีระมัดระวังมากขึ้นในวันอาทิตย์ (22)
“บทสรุปเรื่องเกาหลีเหนือยังอีกยาวไกลนัก อาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ยังไม่รู้ เวลาเท่านั้นที่จะตอบได้” ทรัมป์ ระบุผ่านทวิตเตอร์
อย่างไรก็ตาม บริษัทเกาหลีใต้ที่เคยเข้าไปตั้งฐานการผลิตในรัฐโสมแดงต่างขานรับถ้อยแถลงของผู้นำ คิม ด้วยความยินดี
จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือก็ออกมาชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้นำ คิม เช่นกัน ขณะที่หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีลงบทบรรณาธิการว่า คำมั่นสัญญานี้ช่วยยกสถานะของ คิม ให้กลายเป็นผู้นำของรัฐนิวเคลียร์ที่มีความชอบธรรม แต่ก็เตือนว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์โสมแดงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
“การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์อาจเป็นเรื่องยากลำบากไม่น้อย เนื่องจากอาวุธเหล่านี้ช่วยให้เกาหลีเหนือรู้สึกมั่นคงปลอดภัย... หากจะทำให้เกาหลีเหนือยอมปลดอาวุธก็จะต้องมีการรับประกันความมั่นคงให้แก่พวกเขาอย่างหนักแน่นจริงจังที่สุด” ไชน่าเดลี ระบุ
ด้านหนังสือพิมพ์โกลบัลไทม์สซึ่งเป็นสื่อแท็บลอยด์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเตือนทุกฝ่ายให้ “ช่วยกันประคับประคองความสำเร็จที่ได้มาอย่างยากยิ่ง” และเดินหน้าผลักดันสันติภาพและการปลดอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป ขณะที่สหรัฐฯ “ไม่ควรคิดว่า การที่ผู้นำเกาหลีเหนือประกาศจะเลิกทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธนั้นเป็นผลมาจากมาตรการกดดันขั้นสูงสุด... และต้องมองว่าเกิดจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือการที่เปียงยางบรรลุถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และประสบความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่สามารถโจมตีเป้าหมายซึ่งอยู่ไกลออกไปกว่า 10,000 กิโลเมตร”
....We are a long way from conclusion on North Korea, maybe things will work out, and maybe they won’t - only time will tell....But the work I am doing now should have been done a long time ago!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) April 22, 2018