เอเจนซีส์ - รัฐบาลจีนแถลงยืนยันวันนี้ (28 มี.ค.) ว่าผู้นำคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือรับปากจะปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ระหว่างการหารือครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่ง ขณะที่ผู้นำจีนเองก็รับปากว่าจะรักษาความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับโสมแดงไว้
หลังปล่อยให้ผู้สังเกตการณ์คาดเดากันไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับขบวนรถไฟปริศนาที่แล่นจากเกาหลีเหนือข้ามเข้าไปยังจีน ล่าสุดทั้งปักกิ่งและเปียงยางได้ออกมายืนยันตรงกันวันนี้ (28) ว่าผู้นำคิมเดินทางเยือนจีน “อย่างไม่เป็นทางการ” ระหว่างวันที่ 25-28 มี.ค. ซึ่งหมายความว่าเขาน่าจะเริ่มเดินทางตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ และกลับถึงเปียงยางเช้าวันนี้ (28) หลังจากที่ขบวนรถไฟแล่นออกจากปักกิ่งเมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร (27)
ทริปนี้ถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกตั้งแต่ คิม ก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 2011 และนักวิเคราะห์เชื่อว่าผู้นำเกาหลีเหนือคงต้องการปรึกษาหารือจีนเพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะเปิดการประชุมซัมมิตร่วมกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้และสหรัฐฯ
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือไม่ได้ระบุว่า คิม ให้สัญญาจะปลดอาวุธนิวเคลียร์ และไม่พูดถึงแผนการจัดประชุมซัมมิตกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงเดือน พ.ค. ด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและจีนซึ่งเป็นมหามิตรเพียงรายเดียวที่ให้การปกป้องระบอบคิมในทางการทูตเริ่มย่ำแย่ลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปักกิ่งเองก็เริ่มเหนื่อยหน่ายที่โสมแดงยังคงดื้อรั้นพัฒนานิวเคลียร์ไม่หยุด และหันไปร่วมมือกับสหประชาชาติ (ยูเอ็น) บังคับใช้บทลงโทษกับเปียงยาง
อย่างไรก็ตาม เคซีเอ็นเออ้างคำพูดที่ผู้นำคิมกล่าวในงานเลี้ยงรับรองที่ปักกิ่งว่า “แน่นอนว่าผมจะต้องมาเยือนเมืองหลวงของจีนเป็นประเทศแรก”
“มันคือภาระหน้าที่อันจริงจังของผมที่จะต้องให้ความสำคัญ และสืบทอดสายสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีกับสาธารณรัฐประชาชนจีนจากรุ่นสู่รุ่น”
คิม ยังกล่าวเชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้เดินทางไปเยือนเปียงยางอย่างเป็นทางการ “ในเวลาที่สะดวก ซึ่งผู้นำจีนก็ตอบรับด้วยความยินดี”
ผู้นำคิมยังได้กล่าวสุนทรพจน์ว่า ชาวเกาหลีเหนือและชาวจีน “เคยสละชีวิตและเลือดเนื้อต่อสู้เพื่อสิ่งเดียวกันมานานหลายสิบปี จนต่างรับรู้ว่าจะขาดกันและกันไม่ได้ และต่างก็ตระหนักว่าสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคมีความสำคัญเพียงใดสำหรับสองเพื่อนบ้านที่มีเพียงแม่น้ำสายเดียวกั้นกลาง”
เคซีเอ็นเอระบุว่า ผู้นำคิมมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงติดตามไปด้วยหลายคน รวมถึง รี ซอลจู สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แต่ไม่ได้เอ่ยถึง คิม โยจอง น้องสาวของคิมซึ่งเคยรับหน้าที่ทูตพิเศษไปเยือนเกาหลีใต้ระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อเดือน ก.พ.
ด้านสำนักข่าวซินหวาของจีนรายงานว่า คิม ได้บอกกับ สี ว่าสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายเริ่มต้นลดความขัดแย้ง และยื่นข้อเสนอเจรจาสันติภาพ
“เรามีจุดยืนที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีมาโดยตลอด ตามที่อดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง และอดีตเลขาธิการใหญ่ คิม จองอิล ได้ตั้งเจตนารมณ์ไว้” คิมระบุ
ผู้นำเกาหลีเหนือย้ำว่าเต็มใจที่จะพูดคุยกับสหรัฐฯ และจัดการประชุมซัมมิตร่วมกับ ทรัมป์
“ปัญหาว่าด้วยการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีสามารถแก้ไขได้ หากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ตอบสนองความพยายามของเราอย่างจริงใจ สร้างบรรกาศแห่งสันติสุขและเสถียรภาพ รวมถึงใช้มาตรการเชิงรุกที่สอดประสานกันเพื่อนำไปสู่สันติภาพ”
แม้จะอ้างว่าเป็นการเยือนแบบไม่เป็นทางการ ทว่าจีนก็จัดพิธีต้อนรับผู้นำคิม ที่กรุงปักกิ่งอย่างสมเกียรติแทบไม่แตกต่างจากการเยือนแบบรัฐพิธี โดยมีทั้งทหารกองเกียรติยศและงานเลี้ยงรับรองที่มหาศาลาประชาชนจีน
คิม และ สี ได้พบปะหารือกันที่เรือนรับรองเตี้ยวอี๋ว์ไถ ซึ่งอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง ผู้เป็นปู่ของคิมเคยปลูกต้นไม้เอาไว้ต้นหนึ่งเมื่อปี 1959 และยังคงยืนต้นอยู่มาจนทุกวันนี้
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติจีนเผยภาพผู้นำทั้งสองโอภาปราศรัยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่ เผิง ลี่หยวน ภริยาผู้นำจีน ก็ให้การต้อนรับ รี ซอลจู อย่างอบอุ่นเช่นกัน
ทำเนียบขาวระบุว่า รัฐบาลจีนได้แจ้งให้ผู้นำสหรัฐฯ ทราบเกี่ยวกับการไปเยือนของ คิม แล้ว และยังฝากข้อความส่วนตัวจาก สี ถึง ทรัมป์ ด้วย
“สหรัฐฯ ยังคงมีการหารืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เราถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่า มาตรการกดดันขั้นสูงสุดช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการเจรจากับเกาหลีเหนือ” ทำเนียบขาวแถลง
