รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตอบรับข้อเสนอจัดการประชุมซัมมิตร่วมกับผู้นำเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรกในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ถือเป็นข้อตกลงฝ่าทางตันครั้งใหญ่สำหรับวิกฤตการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีและการเผชิญหน้าด้านนิวเคลียร์
ชุง อึยยอง หัวหน้าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ ประกาศข่าวดีต่อหน้าสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาว หลังจากคณะเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ได้เข้าพบ ทรัมป์ เมื่อวานนี้ (8) เพื่อแจ้งผลการเจรจาหารือกับ คิม จองอึน เมื่อวันจันทร์ (5) ให้สหรัฐฯ ทราบ
ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงทำเนียบขาว ยืนยันว่า ทรัมป์ “จะตอบรับคำเชิญพบปะกับ คิม จองอึน ในสถานที่และเวลาซึ่งจะกำหนดในภายหลัง”
“เราต่างเฝ้ารอคอยการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และในระหว่างนั้น มาตรการคว่ำบาตรทั้งหลายยังคงต้องบังคับใช้ต่อไป” เธอเอ่ยเสริม
เกาหลีเหนือมุ่งมั่นทำการทดลองด้านอาวุธอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างขีปนาวุธที่สามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปโจมตีแผ่นดินอเมริกาได้ ขณะที่ ทรัมป์ และ คิม ก็แถลงดูหมิ่นเหยียดหยามกันและกันอย่างเจ็บแสบตลอดช่วงปีที่แล้ว จนหลายคนเกรงว่าสงครามอาจปะทุขึ้น แต่การพบปะครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
“ผมได้แจ้งให้ท่าน (ทรัมป์) ทราบว่า ขณะที่หารือกันนั้น ผู้นำ คิม จองอึน ได้ให้คำมั่นต่อการปลดอาวุธนิวเคลียร์... และยังรับปากว่าเกาหลีเหนือจะงดเว้นการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธในอนาคต” ชุง กล่าว
“ผู้นำคิมแสดงความกระตือรือร้นที่จะพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเร็วที่สุด... ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ ก็พอใจในข้อมูลที่เรานำเสนอ และตอบตกลงพบปะผู้นำคิม จองอึน ราวเดือน พ.ค. เพื่อนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์”
บรรดาผู้ช่วยทรัมป์ ต่างระแวดระวังยุทธศาสตร์การทูตของเกาหลีเหนือซึ่งเคยผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง และความพยายามปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือทั้งในสมัยของประธานาธิบดี บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และ บารัค โอบามา ก็ไม่เคยได้ผล
เมื่อค่ำวันพฤหัสบดี (8) ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความหลายครั้งเกี่ยวกับแผนการประชุมซัมมิตร่วมกับ คิม จองอึน
“คิม จองอึน พูดกับผู้แทนเกาหลีใต้เรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ใช่แค่ระงับโครงการเอาไว้” ข้อความหนึ่งระบุ “มีความคืบหน้าไปมาก แต่มาตรการคว่ำบาตรต้องคงไว้ต่อไปจนกว่าจะบรรลุข้อตกลง กำลังวางแผนเรื่องการประชุม!”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ คนหนึ่ง ระบุว่า เหตุที่ ทรัมป์ ตกลงพบกับ คิม จองอึน เพราะเห็นว่าเขาเป็นผู้นำสูงสุดที่มีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จในเกาหลีเหนือ
“ประธานาธิบดีทรัมป์มีชื่อเสียงเรื่องการเจรจาอยู่แล้ว” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเผย พร้อมระบุว่า คณะผู้แทนเกาหลีใต้ถ่ายทอดคำเชิญจาก คิม ถึง ทรัมป์ แบบปากเปล่า ไม่ได้มีจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษร
“คิม จองอึน เป็นบุคคลเดียวที่มีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายในระบอบการปกครองแบบเบ็ดเสร็จของพวกเขา จึงมีเหตุอันสมควรที่เราจะตอบรับคำเชิญจากผู้ที่มีสิทธิ์ตัดสินใจจริงๆ แทนที่จะใช้คำพูดเดิมๆ เหมือนในอดีต”
เจ้าหน้าทีผู้นี้ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะไม่ยอมรับข้อตกลงอื่นใดทั้งสิ้น นอกจากเกาหลีเหนือจะต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างถาวร
ชุง และหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ ซูห์ ฮุน เดินทางไปวอชิงตันเมื่อวานนี้ (8) เพื่ออธิบายมุมมองของเกาหลีเหนือเรื่องการเจรจากับสหรัฐฯ ในอนาคต และโอกาสที่โสมแดงจะหยุดทดสอบนิวเคลียร์หากมีการค้ำประกันความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ระบอบคิม
เกาหลีเหนือยังแสดงท่าทีผ่อนปรนมากเป็นพิเศษเรื่องการซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ โดย ชุง ระบุว่า ผู้นำคิม “เข้าใจว่าการซ้อมรบประจำปีระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาต้องดำเนินต่อไป”
ก่อนหน้านี้ เปียงยางยืนกรานเสียงแข็งว่าโซลและวอชิงตันต้องยุติการซ้อมรบ หากคิดที่จะเจรจากัน
ทรัมป์ เคยเรียกผู้นำคิมว่า “คนบ้า” และ “มนุษย์จรวดน้อย” (Little Rocket Man) พร้อมทั้งขู่จะทำลายรัฐเกาหลีเหนือที่มีประชากร 26 ล้านคน “ให้สิ้นซาก” หากกล้าโจมตีสหรัฐฯ หรือประเทศพันธมิตร ขณะที่ผู้นำโสมแดงก็เรียก ทรัมป์ ว่าเป็น “ตาแก่เลอะเลือนที่สติไม่เต็มเต็ง” (mentally deranged US dotard)
อิตสึโนริ โอโนเดระ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เรียกร้องวันนี้ (9) ให้เกาหลีเหนือรักษาสัญญาว่าจะละทิ้งการพัฒนานิวเคลียร์อย่างจริงจังเพื่อนำไปสู่การเจรจาที่มีความหมาย ขณะที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ชี้ว่า มาตรการกดดันของญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้โสมแดงเปลี่ยนทัศนคติ