เอเจนซีส์ - คิม จองอึน ให้คำมั่นปลดอาวุธนิวเคลียร์และยินดีประชุมสุดยอดกับทรัมป์ ระหว่างการพบปะครั้งประวัติศาสตร์ในปักกิ่งที่ สี จิ้นผิง รับปากรักษาสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ ด้านทำเนียบขาวแถลงเอาหน้า อ้างพัฒนาการล่าสุดตอกย้ำว่า การใช้มาตรการเพิ่มความกดดันสูงสุดช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการเจรจากับเกาหลีเหนือ
หลังจากปล่อยให้ชาวโลกคาดเดากันไปต่างๆ นานา ในที่สุดเมื่อวันพุธ (28 มี.ค.) ทั้งจีนและเกาหลีเหนือพร้อมใจออกมายืนยันว่า คิมเดินทางเยือนปักกิ่งอย่างเป็นทางการระหว่างวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25) จนถึงวันพุธ และได้พบหารือกับประธานาธิบดีสีของจีน
การเยือนจีนถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศที่เป็นที่รับรู้ครั้งแรกของคิมนับจากขึ้นสู่อำนาจในปี 2011 นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า นี่เป็นการเตรียมการก่อนที่เขาจะประชุมสุดยอดกับผู้นำเกาหลีใต้และสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางไม่ได้เอ่ยถึงการประชุมซัมมิตระหว่างคิมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งน่าจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมแต่อย่างใด เช่นเดียวกับการที่คิมรับปากปลดอาวุธนิวเคลียร์
เดิมทีนั้นปักกิ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเปียงยาง แต่สัมพันธ์เริ่มสั่นคลอนหลังจากเปียงยางเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และปักกิ่งสนับสนุนมาตรการลงโทษของสหประชาชาติ
กระทรวงการต่างประเทศจีนอ้างอิงคำแถลงของคิมที่บอกกับสีว่า สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มดีขึ้นเนื่องจากเกาหลีเหนือใช้มาตรการริเริ่มเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดและเดินหน้าข้อเสนอการเจรจาสันติภาพ
ประมุขโสมแดงเสริมว่า เกาหลีเหนือมุ่งมั่นที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ตามเจตนารมณ์ของอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง และอดีตเลขาธิการใหญ่คิม จองอิล ปู่และพ่อของตน และย้ำว่า ต้องการประชุมสุดยอดกับผู้นำอเมริกา
คิมสำทับว่า การปลดอาวุธนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หากเกาหลีใต้และอเมริกาตอบสนองความพยายามของเกาหลีเหนือด้วยไมตรีจิต สร้างบรรยากาศของสันติภาพและเสถียรภาพ ควบคู่กับมาตรการอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสอดประสานกับการทำให้สันติภาพเป็นจริง
ทั้งนี้ปู่และพ่อของคิมต่างเคยให้คำมั่นว่า จะไม่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แต่ก็แอบดำเนินการอย่างลับๆ อันนำไปสู่การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2006 ในยุคคิม จองอิล
ในอดีตนั้น เกาหลีเหนือเคยกล่าวไว้ในการเจรจาที่จบลงด้วยความล้มเหลวว่า อาจพิจารณายกเลิกโครงการนิวเคลียร์หากอเมริกาถอนทหารจากเกาหลีใต้ รวมทั้งถอนระบบป้องปรามนิวเคลียร์ในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
นักวิเคราะห์และอดีตผู้เจรจาหลายคนเชื่อว่า เงื่อนไขเหล่านั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเปียงยาง รวมทั้งไม่มั่นใจว่าคิมยินดียกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ที่ครอบครัวพยายามพัฒนามาหลายทศวรรษจริงๆ
ทางด้านหนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ของทางการจีน ยกย่องการพบกันระหว่างสีกับคิมว่า เป็นบทพิสูจน์ว่า การคงความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนและเกาหลีเหนือจะเป็นพลังบวกและส่งเสริมเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะเดียวกัน แม้กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า ครั้งนี้เป็นการเยือนอย่างไม่เป็นทางการ แต่กลับให้การต้อนรับผู้นำเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการและสมเกียรติ เริ่มตั้งแต่มีทหารกองเกียรติยศ งานเลี้ยงต้อนรับในมหาศาลาประชาชน คิมและสียังหารือกันในเรือนรับรองเตียวหยูไถ่ ที่คิม อิลซุงเคยปลูกต้นไม้ไว้เป็นที่ระลึกเมื่อปี 1959 และต้นไม้นั้นยังคงงอกงามอยู่จนถึงปัจจุบัน
สถานีทีวีของรัฐบาลจีนยังแพร่ภาพสองผู้นำคุยกันอย่างยิ้มแย้ม ขณะที่รี ซอลจู ภรรยาของคิม ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นเดียวกันจากเผิง ลี่หยวน ภรรยาของสี
ด้านวอชิงตัน ทำเนียบขาวแถลงว่า สีแจ้งเรื่องการเดินทางเยือนของคิมให้ทรัมป์ทราบแล้ว
คำแถลงยังระบุว่า อเมริกายังคงติดต่อใกล้ชิดกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และมองว่า พัฒนาการล่าสุดตอกย้ำว่า การใช้มาตรการเพิ่มความกดดันสูงสุดช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการเจรจากับเกาหลีเหนือ
ส่วนทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในกรุงโซลแถลงว่า หยาง เจียฉือ สมาชิกคณะกรมการเมืองของจีน จะเดินทางไปบรรยายสรุปเกี่ยวกับการเยือนของคิมต่อเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีมุน แจอิน ในวันพฤหัสบดี (29)
ในส่วนของเคซีเอ็นเอ สำนักข่าวเกาหลีเหนือนั้น ยังรายงานว่า สีรับคำเชิญเยือนเกาหลีเหนือ “ด้วยความยินดี” ซึ่งจะถือเป็นการเดินทางไปยังเปียงยางครั้งแรกของประมุขจีนนับจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2012
ทว่า คำแถลงของจีนไม่พาดพิงเรื่องนี้ แต่ระบุเพียงว่า สีรับปากว่า จะคงการติดต่อและการเยือนของผู้แทนพิเศษระหว่างสองชาติ
ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่เปียงยางเดินหน้าปรับสัมพันธ์กับโซล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทรัมป์ออกมาประกาศรับข้อเสนอพบกับคิมในเดือนพฤษภาคม ดูเหมือนจีนกำลังถูกกันออกนอกวง จวบจนกระทั่งคิมเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้
พอล เฮนลี ผู้อำนวยการคาร์เนกี-ซิงหวา เซนเตอร์ในปักกิ่ง และอดีตผู้แทนทำเนียบขาวในการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือระหว่างปี 2007-2009 ชี้ว่า ด้วยบทบาทการเป็นสายชูชีพสำหรับเกาหลีเหนือ จีนจึงมองว่า คิมไม่สมควรที่จะพบกับผู้นำเกาหลีใต้และสหรัฐฯ โดยไม่หารือกับสีก่อน
สอดคล้องกับความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนที่เชื่อว่า สีต้องการพบคิมก่อนเพื่อให้แน่ใจว่า เกาหลีเหนือจะไม่ทำข้อตกลงกับอเมริกาที่จะกระทบต่อผลประโยชน์ของจีนระหว่างการประชุมสุดยอดกับทรัมป์
ในทางกลับกัน เติ้ง ยู่เหวิน นักวิชาการอิสระด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีน เชื่อว่า เกาหลีเหนือต้องการให้พันธมิตรเก่าอย่างจีนปกป้องในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เนื่องจากคิมไม่แน่ใจว่า ประมุขทำเนียบขาวจะรับประกันความปลอดภัยของระบอบของตนได้แน่ๆ