เอเจนซีส์ - ทนายความส่วนตัวผู้นำสหรัฐฯ จอห์น ดาวด์ (John Dowd) ออกแถลงการณ์วันเสาร์(17 มี.ค) แถลงให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯทำการยุติการสอบสวนพิเศษที่มี โรเบิร์ต มุลเลอร์ เป็นผู้นำการสอบสวนคดีรัสเซียยุ่งเกี่ยวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2016 และทีมหาเสียงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯในเวลานั้นเกี่ยวข้อง แต่พบส่งแถลงการณ์ครั้งแรกอ้างทำในนามทรัมป์ แต่เปลี่ยนเป็นความเห็นส่วนตัวหลังจากนั้น
DW สื่อเยอรมนี รายงานเมื่อวานนี้(17 มี.ค) ว่า ในแถลงการณ์ครั้งแรกทนายความส่วนตัวผู้นำสหรัฐฯที่ส่งไปยังสื่อออนไลน์ทางการเมืองสหรัฐฯ เดลีบีสต์ จอห์น ดาวด์(John Dowd) กล่าวว่า เขาต้องการให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยุติการสอบสวนพิเศษในคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง ซึ่งรวมไปถึงการสอบสวนทีมหาเสียงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปี 2016
“ผมภาวนาให้รักษาการรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ โรเซนสตีน (Rosenstein ) ทำการยุติการสอบสวนพิเศษคดีรัสเซียสมรู้ร่วมคิด...ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแฟ้มข้อมูลลับที่ต้มตุ๋นและไม่เป็นจริง” ซึ่งดาวด์เสริมว่า เขากล่าวในฐานะของผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันเสาร์(17)
แต่อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์เดียวกันนี้ เขาได้ส่งออกไปยังสำนักข่าวอื่นๆ แต่เปลี่ยนการแสดงความเห็นจากการแถลงในฐานะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวแทน
ในขณะเดียวกัน ทิม เคน (Tim Kaine) สว.รัฐเวอร์จิเนียจากพรรคเดโมแครตกล่าวยืนยันว่า การสอบสวนคดีรัสเซียของอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ นั้นต้องอนุญาตให้ลุล่วงไปจนถึงวันสรุปสุดท้ายเท่านั้น
สว.เคน เป็นคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯร่วมกับฮิลลารี คลินตันจากพรรคเดโมแครตปี 2016 กล่าวเสียงแข็งว่า “พวกเราในสภาคองเกรสจะไม่ยอมอยู่เฉยๆหากว่าเขาถูกไล่ออก และการคุกคามเช่นนี้สมควรต้องหยุดลง”
ในขณะที่ ไมเคิล เบนเนต( Michael Bennet ) สว.รัฐโคโลราโดจากพรรคเดโมแครตเช่นกันกล่าวให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “ความพยายามใดก็ตามในการขัดขวางการสอบสวน จะทำให้เกิดวิกฤตทางรัฐธรรมนูญและเป็นการทำให้ระบบการปกครองโดยกฎหมายอ่อนแอ”
DW ชี้ว่า การออกมาให้ความเห็นของดาวด์นั้นเป็นการออกมาหลังจากที่มีการไล่อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการ FBI แอนดริว แม็คเคบ(Andrew McCabe ) ออกจากตำแหน่งในวันศุกร์(16)
ทนายความส่วนตัวทรัมป์ยังชี้ว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ร็อด เจย์ สตีน(Rod Jay Rosenstein )สมควรเลียนแบบตัวอย่างที่ดีและกล้าหาญเช่นนี้ที่ออกมาจากการตัดสินใจของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯในการไล่แม็คเคบออก และสิ้นสุดการสอบสวนที่ออกมาจากอดีตเจ้านายของแม็คเคบคือ อดีตผู้อำนวยการ FBI เจมส์ โคมีย์(James Comey ) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานแฟม้ลับฉ้อฉลและไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้พบว่าโคมีย์ยังคงดำรงตำแหน่งในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2016 และเขาเป็นผู้นำการสอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งในระยะแรก แต่อย่างไรก็ตามหลังการสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง พบว่า เจมส์ โคมีย์ ถูกทรัมป์ไล่ออกฟ้าผ่าผ่านการรายงานทางโทรทัศน์ของสื่อสหรัฐฯเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017
และในการสอบสวนของมุลเลอร์ เขายังต้องการทราบว่า การที่ทรัมป์ออกคำสั่งปลดอดีตผู้อำนวยการ FBI รายนี้ถือเป็นการขัดขวางกระบวนการทางยุติธรรมหรือไม่ สื่อเยอรมันชี้
ซึ่งหลังจากที่โคมีย์ถูกให้ออกพบว่า แม็คเคบขึ้นรักษาการผู้อำนวยการ FBI ต่อ แต่ทว่า ชะตากรรมของเขาไม่ต่างจากเจ้านาย เพราะต้องถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทรัมป์อย่างต่อเนื่อง
โดยหลังจากที่แม็คเคปถูกให้ออก ผู้นำสหรัฐฯทวีตแสดงความดีใจโดยชี้ว่า “ถือเป็นข่าวดีสำหรับระบบประชาธิปไตย”
DW รายงานว่า อย่างไรก็ตาม แม็คเคบสามารถขึ้นให้การในฐานะพยานต่อมุลเลอร์ในการสอบสวนว่า ทรัมป์ขัดขวางทางกระบวนการทางยุติธรรมด้วยการสั่งปลดอดีตผู้อำนวยการโคมีย์ได้