เอเจนซีส์ - ศาลเวียดนามมีคำพิพากษาในวันจันทร์ (22 ม.ค.) ลงโทษจำคุก 13 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ระดับกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์ และจำคุกตลอดชีวิตอดีตผู้บริหารรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน ซึ่งถูกระบุว่าได้ถูกทางเวียดนามลักพาตัวกลับมาลงโทษ หลังหลบหนีไปอยู่ที่เยอรมนี ในความผิดฐานยักยอกฉ้อโกงและละเมิดกฎระเบียบของรัฐ ถือเป็นการปิดฉากคดีคอร์รัปชันที่เกรียวกราวอื้อฉาวที่สุดคดีหนึ่งของเวียดนาม ซึ่งจำเลยมีทั้งพวกผู้นำทางการเมืองและทางธุรกิจ
จำเลยทั้ง 22 คนในคดีนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารทั้งในอดีตและปัจจุบันของปิโตรเวียดนาม และถูกศาลตัดสินว่า กระทำความผิดข้อหาบริหารผิดพลาด ยักยอก หรือทั้งสองกระทง ในระหว่างรับตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่แห่งนี้
ตามรายงานของสำนักข่าวทางการเวียดนาม ศาลประชาชนในกรุงฮานอยพิพากษาลงโทษจำคุก 13 ปี ดีง ลา ทัง อดีตประธานกรรมการของปิโตรเวียดนามและอดีตสมาชิกกรมการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ถือเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสที่สุดซึ่งต้องติดคุกในรอบหลายสิบปี โดยทังถูกกล่าวหาละเมิดข้อบังคับการบริหารเศรษฐกิจของรัฐโดยเจตนาจนทำให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรง ด้วยการเลือกบริษัท คอนสตรักชั่น จอยต์ สต็อก หรือ พีวีซี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของปิโตรเวียดนาม ก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนโดยไม่มีการประมูลและประเมินราคาอย่างเหมาะสม
เขายังถูกกล่าวหาว่า สั่งการให้จ่ายเงินล่วงหน้า 67 ล้านดอลลาร์ ให้พีวีซี ซึ่งถือเป็นการใช้เงินทุนโดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่เหมาะสม และทำให้รัฐสูญเงิน 5.5 ล้านดอลลาร์
ทางด้านอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า คำวินิจฉัยนี้เด็ดขาดและเป็นธรรม เนื่องจากถึงเวลาแล้วที่เวียดนามจำเป็นต้องต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน
นอกจากนั้น ทังยังถูกกล่าวหาว่า บริหารเศรษฐกิจผิดพลาดในอีกคดีหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องการกับที่ปิโตรเวียดนามซื้อหุ้นมูลค่า 36 ล้านดอลลาร์ในโอเชียน ที่เป็นธนาคารร่วมทุน และทำให้ปิโตรเวียดนามประสบการขาดทุนทั้งหมด หลังจากธนาคารกลางเวียดนามเข้ายึดกิจการโอเชียน คาดกันว่า จะมีการพิจารณาคดีนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทังนั้นเคยเป็นนักการเมืองดาวเด่น แต่แล้วก็ถูกเด้งออกจากตำแหน่งสมาชิกกรมการเมือง และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาโฮจิมินห์ ซิตี้ ก่อนถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมปีที่แล้ว
สื่อต่างชาติไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมฟังการไต่สวนคดีนี้ที่กินเวลา 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี ชาวเวียดนามกว่า 100 คนรวมตัวกันหน้าศาลระหว่างที่มีการอ่านคำวินิจฉัย โดยคนเหล่านี้บางส่วนเห็นชอบกับคำตัดสิน ขณะที่บางคนเห็นใจทังว่า เขาเคยทำประโยชน์แก่ประเทศชาติมาก่อน
สำหรับ จิง ซวน แท็ง อดีตประธานกรรมการพีวีซี ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตจากข้อหายักยอก รวมทั้งบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด เขายังมีกำหนดขึ้นศาลในคดียักยอกเงิน 622,000 ดอลลาร์จากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในวันพุธ (24) ซึ่งอาจมีโทษสูงสุดประหารชีวิต
ก่อนหน้านี้ แท็งขอลี้ภัยในเยอรมนี และต่อมาเยอรมนีกล่าวหาว่า สายลับเวียดนามลักพาตัวเขาไปจากสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงเบอร์ลินเมื่อปีที่แล้ว ทว่า ฮานอยปฏิเสธ และยืนยันว่า แท็งสมัครใจเดินทางกลับฮานอยและมอบตัวกับตำรวจ เรื่องนี้ทำให้สองประเทศปีนเกลียวกัน และเยอรมนีขับนักการทูตอาวุโสเวียดนาม 2 คนกลับประเทศ
ศาลเวียดนามยังพิพากษาลงโทษจำคุกอดีตประธานกรรมการปิโตรเวียดนามอีก 3 คนๆ ละ 9 ปีข้อหาบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด ส่วนจำเลยคนอื่นๆ ได้รับโทษตั้งแต่จำคุก 22 ปีจนถึงรอลงอาญา
ขณะนี้ ยังมีการไต่สวนอีกหนึ่งคดีที่มีจำเลยอีก 46 คน ซึ่งรวมถึงอดีตนายแบงก์หลายคน ในโฮจิมินห์ ซิตี้
สื่อออนไลน์ เตื่อย แจ๋ รายงานโดยอ้างอิงคำบอกเล่าของผู้พิพากษาคนหนึ่งว่า คำวินิจฉัยเหล่านี้ “เหมาะสม” ขณะที่หนังสือพิมพ์ออนไลน์ วีเอ็นเอ็กซ์เพรส ชี้ว่า การลงโทษครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งสัญญาณเตือนพวกที่ใช้อำนาจโดยมิชอบและฝ่าฝืนกฎหมาย
พรรคคอมมิวนิสต์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเลขาธิการใหญ่ เหวียน ฝู จ่อม อยู่ระหว่างการกวาดล้างคอร์รัปชันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเวียดนาม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือปิโตรเวียดนามและภาคการธนาคาร
โจนาธาน ลอนดอน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยไลเดนในเนเธอร์แลนด์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเวียดนาม กล่าวว่า ผู้มีอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามต้องเดินหน้าปฏิรูปและให้คำมั่นในการปราบปรามการทุจริต
ลอนดอนเสริมว่า การตัดสินจำคุกจำเลยในคดีนี้อาจถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจ แต่จากประวัติศาสตร์ในประเทศอื่นๆ บ่งชี้ว่า ในระยะยาวนั้นการคอร์รัปชั่นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการลงโทษ ทว่า ต้องมีการปฏิรูปสถาบันและรัฐบาลต้องมีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการดำเนินการด้วยความโปร่งใส
ทั้งนี้ จากข้อมูลขององค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ เวียดนามติดอันดับ 113 จาก 176 ประเทศในดัชนีคอร์รัปชัน และถือว่า สถานการณ์เลวร้ายกว่าเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง ไทย ฟิลิปปินส์ และ พม่า