MGRออนไลน์ -- สัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เลือก นายเหวียนเทียนเญิน (Nguyen Thien Nhan) สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมือง ประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม ให้ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคสาขานครโฮจิมิห์ แทนนายดีงลาทัง (Dinh La Thang) เลขาธิการพรรคสาขา ที่ถูกให้พ้นจากองค์การอำนาจสูงสุดของพรรค สุดสัปดาห์ที่แล้ว หัวหน้าคอมมิวนิสต์คนใหม่ ของนครใหญ่ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการลงทุนใหญ่ที่สุด เป็นอดีตรองประธานคณะกรรมการปกครอง หรือ รองผู้ว่าราชการคนหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และ ยังเป็น "เทคโนแคร็ต" คนรุ่นใหม่ ที่ได้รับการศึกษาอบรมจากตะวันตก รวมทั้งจากสหรัฐด้วย
ศ.ดร.เทียนเญิน ได้รับเลือกเป็นกรมการเมืองคนหนึ่งของพรรคเมื่อปี 2556 ไม่กี่เดือนต่อมาก็ได้รับเลือกจากรัฐสภา ให้เป็นประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม ซึ่งเป็นองค์กรมหาชนทางด้านการเมืองและสังคม ของพรรคคอมมิวนิสต์ ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ปี 2549 เคยเป็นทั้งรองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรม
ตำแหน่งเขาธิการพรรคสาขานครโฮจิมินห์ กับ กรุงฮานอย ถูกสงวนไว้ให้แก่กรมการเมืองระดับสูงของพรรคในช่วงหลายปีมานี้ ในขณะที่ผู้นำคอมมิวนิสต์ในระดับจังหวัด และ นครใหญ่แห่งอื่นๆ เป็นเพียงกรรมการกลางพรรคอาวุโสก็ได้
อดีตเลขาธิการพรรคสาขานครโฮจิมินห์ ดีงลาทัง ถูกให้พ้นจากองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของพรรค วันอาทิตย์ 7 พ.ค. ระหว่างการประชุมใหญ่คณะของคณะกรรมการกลางพรรค ที่ดำเนินไปเป็นวันที่สาม และ ในวันพุธ 10 พ.ค. ก็มีการประกาศแต่งตั้งผู้เข้ารับตำแหน่งแทน และ จัดพิธีรับมอบตำแหน่งหน้าที่กัน อย่างเป็นทางการ ในวันเดียวกัน
นายทังวัย 56 ปี ถูกลงโทษจากความผิดพลาดเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทน้ำมันแห่งชาติปิโตรเวียดนาม ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์กล่าวว่า นายทังได้ละเมิดกฎระเบียบของพรรคสาขา ทำให้องค์กรและรัฐบาลเสียหาย เป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ แต่ไม่มีการทุจริตใดๆ เกี่ยวข้อง
เขาถูกตักเตือนอย่างเป็นทางการจากเลขาธิการใหญ่พรรค ในที่ประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรค ที่ยังดำเนินอยู่ในขณะนี้ และ ถูกลงโทษเพียงแค่ให้พ้นจากองค์กรอำนาจสูงสุด แต่ยังเป็นกรรมการกลางพรรค ทั้งนี้เนื่องจากพรรคฯ เห็นว่า เคยประกอบคุณความดี แก่ประเทศและประชาชนมากมายในช่วงเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังได้รับเลือกจากคณะกรรมการกลางชุดปัจจุบัน เข้าสู่กรมการเมืองพรรค ด้วยคะแนนกว่า 90% เมื่อต้นปีที่แล้ว
นายฝ่ามมีงจิ๋ง (Pham Minh Chinh) หัวหน้าคณะที่ปรึกษา คณะกรรมการจัดตั้ง คณะกรรมการกลางพรรค เป็นผู้ประกาศการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการ โดยนายทัง จะได้รับแต่งตั้ง ให้ไปดำรงตำแหน่งใหม่ เป็นรองหัวหน้าคณะกรรมการเศรษฐกิจศูนย์กลางพรรค ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในยุคหนึ่งนายเจืองเติ๋นชาง (Truog Tan Sang) อดีตประธานประเทศ อดีตประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ เคยเป็นหัวหน้าคณะกรรมการชุดสำคัญนี้
นายทังได้ใช้โอกาสนี้ขอโทษต่อสาธารณชน โดยระบุว่าตังเขาเองตระหนักเป็นอย่างดี เกี่ยวกับความร้ายแรงของความเสียหายที่เกิดขึ้น ในครั้งอดีต ทั้งยังกล่าวว่าการลงโทษตัวเขาเองเป็นสิ่งที่ "สมเหตุสมผล"
สำหรับนายเญินเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาสำหรับชาวนครและบรรดานักลงทุน กับแขกเหรื่อ รวมทั้งบรรดาทูตานุทูตประเทศต่างๆ เป็นอย่างดี เคยเป็นรองประธานคณะกรรมการประชาชน ของนครใหญ่แห่งนี้ระหว่างปี 2544-2549 ซึ่งเป็นช่วงปีที่เศรษฐกิจมหาภาค เติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรง ท่ามกลางการไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศ กับนโยบายที่เปิดกว้างสำหรับการลงทุน
.
2
นายเฟรด เบิร์ค กรรมการสภาหองการค้าอเมริกัน (American Chamber of Commerce) ในเวียดนาม ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสว่า เมื่อครั้งเป็นรองผู้ว่าการฯ นครโฮจิมินห์ ศ.ดร.เญิน ได้ขอให้ทีมงานที่เกี่ยวข้อง ทำงานล่วงเวลา เพื่อระดมสรรพกำลังหาทางกำจัดอุปสรรค ที่ขัดขวางการเป็นผู้ส่งออกซอฟแวร์รายใหญ่ของเวียดนาม
"ความพยายามดังกล่าว ได้ทำให้เวียดนามกลายเป็นแหล่งใหญ่ในการเอ้าต์ซอส์ทางอุตสาหกรรม ที่มูลค่าหลายพันล้านดอลาร์ในแต่ละปี" นายเบิร์คกล่าว ทั้งยังให้ภูมิหลังด้วยว่า เมื่อครั้งไปเยือนสหรัฐนั้น นายเญินเป็นที่ประทับใจ และ ได้รับความไว้วางใจจากประชาคมธุรกิจสหรัฐเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันอายุ 63 ปี เรียนสำเร็จปริญญาเอกด้านไซเบอร์เนติก จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเยอรมนีตะวันออก เมื่อปี 2522 ต่อมาได้รับทุนมูลนิธิฟูลไบรต์ ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ ที่มหาวิทยาลัยแห่งโอรีกอน (University of Oregon) ในมลรัฐโอรีกอน สหรัฐ จนสำเร็จในนปี 2538
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาธิการและฝึกอบรม นายเญินเคยประกาศจะให้เวียดนาม มีดุษฏีบัณฑิตที่สำเร็จจากต่างประเทศ 20,000 คนภายใน 10 ปี และ ยังเป็นผู้ทำการปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน และ รณรงค์กำจัดการทุจริตในการสอบ อย่างจริงจัง ทั้งปรับเงินเดือนครูอาจารย์ทั่วประเทศครั้งใหญ่
นั่นคือช่วงปีที่รัฐบาลเวียดนาม ได้หันมาลงทุนในการ "สร้างคน" ครั้งใหญ่ มีการสอบคัดเลือก ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่รัฐ ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ หรือ ไปฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ จำนวนนับหมื่นๆ คน รวมทั้งภายใต้โครงการ ความร่วมมือช่วยเหลือ ด้านการศึกษาและฝึกอบรมจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ด้วย
นายเญินให้สัญญาต่อผู้ประกอบอาชีพครูว่า ภายในปี 2553 ครูทุกคนจะสามารถดำรงชีวิต อยู่อย่างมีความสุข ด้วยเงินเดือนของตนเอง อันเป็นภารกิจตามคำมั่นสัญญา ที่นายเญินยังทำไม่เสร็จ และ รมว.คนต่อมาก็ทำไม่สำเร็จ
กลับนครโฮจิมินห์ครั้งนี้ นายเญินกำลังจะเจอปัญหาสำคัญมากมาย อย่างที่ทราบกันดั โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น อาชญากรรม และ ปัญหาการจราจรติดขัดขั้นโคม่าในปัจจุบัน.