เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวันนี้ (6 พ.ย.) ว่าเวลาแห่ง “ความอดทนทางยุทธศาสตร์” กับเกาหลีเหนือได้หมดลงแล้ว ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศหนุนนโยบายของ ทรัมป์ ซึ่งขู่จะพิจารณาทุกมาตรการเพื่อกำราบรัฐอันธพาลโสมแดง
ทรัมป์ ซึ่งเปิดฉากทัวร์เอเชียเป็นเวลา 12 วันโดยเริ่มที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ชี้ว่าโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ “เป็นภัยคุกคามต่อโลกศิวิไลซ์ รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพของนานาประเทศ”
ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ เคยเตือนกลายๆ ว่ารัฐบาลของเขาอาจก้าวข้ามวิธีทางการทูต และหันไปใช้กำลังทหารยุติความทะยานอยากด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
“ยุคสมัยแห่งความอดทนทางยุทธศาสตร์ได้จบสิ้นไปแล้ว” ทรัมป์ กล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่พระราชวังอากาซากะ กรุงโตเกียว
อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยประกาศว่าสหรัฐฯ ไม่พร้อมเจรจาต่อรองใดๆ ทั้งสิ้นกับเปียงยาง จนกว่าพวกเขาจะแสดงเจตนาปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นรูปธรรมเสียก่อน
วอชิงตันหวังว่ามาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติและแรงกดดันภายในจะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่เกาหลีเหนือได้ในที่สุด ขณะที่นักวิจารณ์กลับเห็นตรงกันข้ามว่านโยบายเช่นนี้ยิ่งเปิดโอกาสให้เปียงยางเดินหน้าพัฒนานิวเคลียร์ต่อไปได้เรื่อยๆ
นายกฯ อาเบะ ยืนยันว่าญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนให้สหรัฐฯ นำ “ทุกตัวเลือกมาวางบนโต๊ะ” เพื่อจัดการกับภัยคุกคามเกาหลีเหนือ ไม่เว้นแม้แต่ปฏิบัติการทางทหาร พร้อมทั้งประกาศคว่ำบาตรทรัพย์สินขององค์กรและพลเมืองเกาหลีเหนือรวม 35 ราย
ก่อนหน้านั้น ทรัมป์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตนไม่ปิดโอกาสในการพูดคุยกับผู้นำ คิม จองอึน พร้อมชื่นชมชาวเกาหลีเหนือว่าเป็น “ชนชาติที่ยิ่งใหญ่” แม้จะตกอยู่ภายใต้ “ระบอบปกครองอันกดขี่”
“ผมพร้อมคุยกับทุกคน... ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของความเข้มแข็งหรือว่าอ่อนแอ ผมว่าการนั่งคุยกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องเสียหาย” เขาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์
“เพราะฉะนั้นผมเปิดกว้างสำหรับการพูดคุย แต่ก็ต้องรอดูว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เวลานี้อาจจะยังเร็วเกินไปมาก”
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนฝ่ายโสมแดงจะไม่คิดอ่อนข้อให้กับ ทรัมป์ เห็นได้จากการที่หนังสือพิมพ์โรดองซินมุนของพรรคแรงงานเกาหลีออกมาวิจารณ์ผู้นำสหรัฐฯ ว่าเป็น “ตาแก่เสียสติแห่งทำเนียบขาว” ที่ไม่รู้ว่าจะก่อสงครามนิวเคลียร์เมื่อไหร่
รัฐบาลโตเกียวยังจัดให้ ทรัมป์ ได้พบปะกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่ถูกรัฐบาลเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อช่วงทศวรรษ 1970-80 โดยคนเหล่านี้ถูกโสมแดงนำไปฝึกสายลับให้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมแดนอาทิตย์อุทัย
ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อคืนอิสรภาพให้แก่ชาวญี่ปุ่นเหล่านี้ พร้อมกล่าวเป็นนัยๆ ว่าสหรัฐฯ อาจจะยอมทำข้อตกลงบางอย่างกับ คิม จองอึน
“ผมว่ามันจะเป็นสัญญาณที่ยิ่งใหญ่หาก คิม จองอึน ยอมปล่อยพวกเขากลับญี่ปุ่น หากเขายอมทำ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่พิเศษจริงๆ” ทรัมป์ ระบุ