xs
xsm
sm
md
lg

“โซล” หวั่น US พร้อมปกป้องจริงไหม แถมกลัว “ทรัมป์” เดือดรีบถล่มโสมแดง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

จอภาพทีวีที่สถานีรถไฟในกรุงโซลเมื่อวันเสาร์ (29 ก.ค.) ที่ผ่านมา ขณะมีการฉายคลิปวิดีโอ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงอาการเริงร่าเมื่อตอนที่โสมแดงทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งล่าสุด  ทั้งนี้มีรายงานว่าความคืบหน้าในการพัฒนาอาวุธร้ายแรงของโสมแดง ทำให้ผู้คนในเกาหลีใต้ชักไม่มั่นใจว่า สหรัฐฯยังจะรักษาพันธกรณีในการคอยปกป้องโสมขาวหรือไม่
เอเจนซีส์ - เกาหลีใต้ชักหวั่นใจว่า สหรัฐฯจะยังช่วยเหลือปกป้องอย่างสุดกำลังตามที่สัญญาไว้หรือไม่ หลังโสมแดงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่มีศักยภาพครอบคลุมไกลถึงแผ่นดินใหญ่อเมริกา นอกจากนั้น โซลยังกลัวว่า วอชิงตันอาจชิงเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ยังคงพยายามลดกระแสความขัดแย้งโดยยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่มีแผนล้มล้างผู้นำ หรือระบอบปกครองของเปียงยาง แต่ต้องการเจรจาเพื่อให้ยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธเท่านั้น

อเมริกายังมีทหาร 28,500 คน ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ เพื่อทำหน้าที่คอยปกป้องโสมขาวจากการโจมตีของเกาหลีเหนือ หลังจากสงครามเกาหลีปี 1950-53 สิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงหยุดยิง และยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพกัน ถึงแม้เปียงยางเพียรมาหลายทศวรรษให้วอชิงตันยอมลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว และถอนทหารออกไปจากเกาหลีใต้ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ปัจจุบันข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับโสมขาว ก็ยังถือเป็นเสาหลักเสาหนึ่งในยุทธศาสตร์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯในเอเชีย ในขณะที่จีนกำลังเร่งแผ่ขยายอิทธิพลด้านการทหารเพื่อให้ทัดเทียมความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจของประเทศ

ทว่า การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ของเปียงยางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่แสดงให้เห็นว่า เมืองใหญ่ของอเมริกา ทั้ง ชิคาโก และ ลอสแองเจลิส อยู่ในระยะการโจมตีของเกาหลีเหนือนั้น กระตุ้นให้สื่อและผู้เชี่ยวชาญในแดนโสมใต้พากันเคลือบแคลงข้องใจต่อคำมั่นสัญญาในการรักษาพันธกรณีของอเมริกา

บทบรรณาธิการของ “จุงอัง อิลโบ” ตั้งคำถามว่า คณะบริหารประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะปกป้องเกาหลีใต้จากการโจมตีของโสมแดงหรือไม่ หากว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้อเมริกาเองเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยนิวเคลียร์

หนังสือพิมพ์ชั้นนำของเกาหลีใต้ฉบับนี้ตบท้ายว่า คงต้องรอให้ถึงวันที่เปียงยางพัฒนาขีปนาวุธติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์และโจมตีถึงอเมริกา ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น คำตอบอาจเป็น “ไม่”

นับตั้งแต่ที่ คิม จองอึน ขึ้นสู่อำนาจเมื่อปี 2011 เทคโนโลยีเกาหลีเหนือมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว และ เปียงยาง กำลังอวดอ้างว่า อุปสรรคที่ต่างชาติตั้งคำถามเอากับโสมแดง คือ ศักยภาพในส่งขีปนาวุธขึ้นไปแล้วให้กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก และการย่อส่วนหัวรบนิวเคลียร์เพื่อติดตั้งที่ปลายขีปนาวุธนั้น บัดนี้ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเกาหลีเหนืออีกต่อไปแล้ว
ประชาชนเฝ้าติดตามจอภาพทีวีที่สถานีรถบัสในกุงเปียงยางเมื่อวันเสาร์ (29 ก.ค.) ที่ผ่านมา ขณะมีการฉายคลิปวิดีโอเกาหลีเหนือทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งล่าสุด  ทั้งนี้มีรายงานว่าความคืบหน้าในการพัฒนาอาวุธร้ายแรงของโสมแดง ทำให้ผู้คนในเกาหลีใต้ชักไม่มั่นใจว่า สหรัฐฯยังจะรักษาพันธกรณีในการคอยปกป้องโสมขาวหรือไม่
ถึงแม้พวกนักการเมืองอเมริกันที่มาเยือนเกาหลีใต้ อาทิ รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ เมื่อเดือนเมษายน มักย้ำว่า พันธกรณีของอเมริกาในการปกป้องเกาหลีใต้นั้น “มั่นคงและไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้” ทว่า โชซุน อิลโบ หนังสือพิมพ์ที่ขายดีที่สุดในเกาหลีใต้ ก็รำพึงตั้งแต่วันจันทร์ (31 ก.ค.) จรดวันอังคาร (1 ส.ค.) ว่า ขณะนี้ ยากที่จะเชื่อได้ว่า อเมริกาจะช่วยเกาหลีใต้ และสถานการณ์เลวร้ายที่สุดคือ สหรัฐฯถอนทหารออกจากคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งในสายตาคนเกาหลีใต้นี่อาจเป็นเรื่องที่แทบไม่อาจคาดคิด แต่ในความเป็นจริงมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นสูงมาก และหากเป็นเช่นนั้นก็คงสมใจเกาหลีเหนือ

ขณะเดียวกัน นั้นเอง ในอีกด้านหนึ่งชาวเกาหลีใต้ยังมีความกลัวว่า อเมริกาอาจโจมตีเกาหลีเหนือก่อน ซึ่งจะส่งผลเลวร้ายอย่างยิ่งแม้ว่าเปียงยางไม่ได้ตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก็ตาม เพราะปัจจุบัน เกาหลีเหนือตั้งปืนใหญ่จำนวนมากที่สามารถโจมตีและสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อกรุงโซลและอาณาบริเวณรอบๆ

ความกลัวดังกล่าวอาจมีสาเหตุมาจากการที่อเมริกาลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนแข็งกร้าวขึ้น หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบไอซีบีเอ็มครั้งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (28 ก.ค.)

ทางด้าน ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกทรงอิทธิพลของพรรครีพับลิกัน ยังออกมาเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (1) ว่า ได้รับการเปิดเผยจากทรัมป์โดยตรงว่า เขายินดีเปิดศึก หากเกาหลีเหนือยังคงพยายามโจมตีอเมริกาด้วยไอซีบีเอ็ม แม้ทางเลือกดังกล่าวอาจทำให้เกิดหายนะบนคาบสมุทรเกาหลีก็ตาม

เกรแฮมสำทับว่า ทางเลือกทางทหารของอเมริกา คือ ทำลายโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ และอาจรวมถึงทำลายเกาหลีเหนือ เขาทิ้งท้ายว่า ตนเองสนับสนุนแนวทางการทูตมากกว่า แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับไม่ได้ที่เกาหลีเหนือจะมีขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่โจมตีอเมริกาได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวย้ำว่า คณะบริหารยังคงเก็บทางเลือกทั้งหมดไว้พิจารณา

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า หากการสู้รบขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลียืดเยื้อนาน 1 เดือน อาจทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายถึง 1 ล้านคน แม้กระทั่งเพียงแค่มีการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ตามแบบแผนเท่านั้น ก่อนที่อเมริกาและเกาหลีใต้จะเผด็จศึกสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (1) เช่นกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ ทิลเลอร์สันของ สหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า อเมริกาไม่ได้พยายามโค่นล้มคิม จองอึน ไม่ได้พยายามที่จะเปลี่ยนระบอบปกครองในเกาหลีเหนือ และไม่ได้พยายามที่จะรวมเกาหลีเหนือ-ใต้ แต่ต้องการใช้แนวทางสันติเพื่อโน้มน้าวให้เปียงยางยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธเท่านั้น

ทิลเลอร์สัน ย้ำว่า อเมริกาไม่ใช่ศัตรูหรือภัยคุกคามต่อเกาหลีเหนือ แต่เกาหลีเหนือต่างหากที่มีพฤติกรรมคุกคามที่ไม่อาจยอมรับได้ และอเมริกาจำเป็นต้องตอบโต้

ทางด้าน จุง ยังแต ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาด้านการทหารของมหาวิทยาลัยดงยาง ในเกาหลีใต้ ชี้ว่า เกาหลีเหนือก้าวข้าม “เส้นแดง” แล้วจากความสำเร็จในการทดสอบไอซีบีเอ็มล่าสุด ซึ่งถือเป็นลูกที่ 2 ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม แต่ ณ จุดนี้ ไม่สามารถตัดความเสี่ยงที่อเมริกาจะใช้มาตรการทางทหารฝ่ายเดียว และมีแนวโน้มว่า ความขัดแย้งทางทหารจะมีขนาดใหญ่โตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ผู้สังเกตการณ์บางคนหวั่นเกรงว่า การเผชิญหน้าทางทหารอาจเกิดขึ้นภายในเดือนนี้ เนื่องจากช่วงปลายเดือน วอชิงตันและโซลจะเริ่มการซ้อมรบประจำปี ซึ่งเปียงยางอาจออกมายั่วยุอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น