xs
xsm
sm
md
lg

รมว.ต่าง ปท.มะกันเริ่มทัวร์ 3 ชาติเอเชีย ระบุ 20 ปีไม่ได้ผลอะไรถึงเวลาเปลี่ยนแผนจัดการโสมแดง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>รัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ของสหรัฐฯ (ซ้าย) จับมือกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ก่อนหน้าการหารือกันที่ทำเนียบของอาเบะในกรุงโตเกียวเมื่อวันพฤหัสบดี (16 มี.ค.)  ทั้งนี้ทิลเลอร์สันยังพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ  โดยเขากล่าวว่าจำป็นต้องมียุทธศาสตร์ใหม่ในการจัดการกับเกาหลีเหนือ </i>
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ประกาศระหว่างการเยือนญี่ปุ่นเมื่อวันพฤหัสบดี (16 มี.ค.) ซึ่งเป็นจุดแวะจุดแรกในทริปเอเชียเที่ยวแรกของเขาว่า จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ใหม่ในการจัดการกับเกาหลีเหนือ หลังมาตรการทางการทูตตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาไม่สามารถเปลี่ยนใจโสมแดงให้ยุติโครงการนิวเคลียร์สำเร็จ พร้อมกันนั้นเขาย้ำว่าปักกิ่งต้องมีส่วนร่วมมากขึ้นในการกำราบเพื่อนบ้านที่ยังคงหลงผิด

ระหว่างการแถลงข่าวภายหลังการหารือกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ในวันพฤหัสบดี (16) ทิลเลอร์สันกล่าวว่า หลังจากแนวทางการทูตตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการให้ความช่วยเหลือโสมแดงรวมเป็นมูลค่า 1,350 ล้านดอลลาร์ แต่จนแล้วจนรอดอเมริกาก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธได้

ทิลเลอร์สันเสริมว่า การคุกคามที่คุกรุ่นขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนสะท้อนชัดเจนว่าจำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่กับเปียงยาง และเป้าหมายส่วนหนึ่งของการเยือนเอเชียครั้งนี้ก็คือ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพันธมิตรในเรื่องนี้

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สำทับว่า เกาหลีเหนือและประชาชนโสมแดงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอเมริกาและประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการเพียงแค่สันติภาพกับเกาหลีเหนือเท่านั้น

ด้านคิชิดะแถลงว่า ญี่ปุ่นตระหนักว่าภัยคุกคามจากการยั่วยุของเกาหลีเหนือได้เข้าสู่มิติใหม่ และญี่ปุ่นจำเป็นต้องดำเนินการร่วมกับอเมริกาและประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไปเพื่อเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการยั่วยุและปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติ

ญี่ปุ่นนั้นกำลังรอดูว่าวอชิงตันจะใช้นโยบายอย่างไรกับเปียงยางที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ รวมทั้งกับจีนที่กำลังขยายอิทธิพล พร้อมกันนี้ยังคาดหวังว่าจะไม่มีการหยิบยกประเด็นความขัดแย้งทางการค้าของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ขึ้นมาระหว่างการเยือนของทิลเลอร์สัน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13) ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของคณะบริหารทรัมป์ ได้กล่าวพาดพิงถึงญี่ปุ่นในเรื่องตั้งกำแพงกีดกันการค้าแบบที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี รวมทั้งบอกว่าวอชิงตันต้องใช้ประโยชน์จากการที่ตนเองเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโลกเพื่อกระตุ้นการส่งออกของตน

ขณะที่ในช่วงหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระบุว่า พันธมิตรของอเมริกา ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จะต้องร่วมรับผิดชอบให้มากขึ้นสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาความมั่นคง ซึ่งเกิดจากการที่สหรัฐฯ ต้องส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปประจำการในต่างแดน

ระหว่างการแถลงข่าวคราวนี้ ทิลเลอร์สันสำทับว่าวอชิงตันยินดีที่โตเกียวเพิ่มบทบาทและความรับผิดชอบภายในกลุ่มพันธมิตรกับอเมริกา และว่า การเป็นพันธมิตรอเมริกา-ญี่ปุ่นยังคงเป็นหลักชัยสำคัญสำหรับสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชีย-แปซิฟิก กระนั้น เขายังย้ำความสำคัญของความร่วมมือแบบสามเส้าโดยที่มีเกาหลีใต้เข้ามาร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
<i>รัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ของสหรัฐฯ (ซ้าย) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเคียงข้างกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น  มิโอะ คิชิดะ </i>
ภายหลังเสร็จสิ้นการเยือนญี่ปุ่น ทิลเลอร์สัน อดีตผู้บริหารบริษัทน้ำมันที่ไม่มีประสบการณ์ทางการทูตหรือการเมืองมาก่อน จะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้และจีน ภายใต้ภารกิจในการให้ความมั่นใจว่าวอชิงตันจะยังคงเคียงข้างพันธมิตรในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ รวมทั้งกดดันให้จีนเพิ่มความพยายามในการกำราบเกาหลีเหนือ ที่ถือเป็นหนึ่งในภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ร้ายแรงที่สุดที่ทรัมป์เผชิญอยู่ขณะนี้

“เรากำลังรอคอยให้จีนรับภาระหน้าที่ของตนเองและดำเนินการมาตรการลงโทษตามมติของยูเอ็นอย่างสมบูรณ์” ทิลเลอร์สันตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวที่ต้องการทราบว่า อเมริกาจะทำอย่างไรเพื่อให้จีนดำเนินนโยบายที่สอดคล้องต้องกันต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่เขาเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม

ปักกิ่งนั้นแสดงท่าทีว่ามีความวิตกเช่นเดียวกับสหรัฐฯ ในเรื่องที่เปียงยางสร้างคลังแสงนิวเคลียร์และขีปนาวุธ แต่ขณะเดียวกันก็ประณามวอชิงตันว่ากำลังทำให้ความตึงเครียดขยายตัว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือระงับกิจกรรมทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธของตน เป็นการแลกเปลี่ยนกับที่สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้จะต้องยุติการร่วมซ้อมรบทางทหาร ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าอย่างเป็นอันตราย ทว่า เรื่องนี้สหรัฐฯ ได้แถลงปฏิเสธแล้ว โดยบอกว่าไม่เห็นจะเป็นวิธีที่แก้ปัญหาได้

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน หวา ชุนอิง กล่าวในการแถลงข่าวในวันพฤหัสบดี (16) ว่า ปักกิ่งยังคงยืนยันแนวความคิดเช่นนี้อยู่ และบอกว่า “ถ้าสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นมีแผนการที่ดีกว่านี้ มีข้อเสนอที่ดีกว่านี้ พวกเขาก็สามารถเสนอออกมาได้”

ในขณะที่ขาดไร้รายละเอียดเฉพาะเจาะจงจากทั้งทิลเลอร์สันและคิชิดะ เกี่ยวกับแนวทางใหม่ๆ ในการกดดันบีบคั้นเปียงยาง พวกผู้สันทัดกรณีชี้ว่ามีทางเลือกที่อาจจะนำมาใช้ได้อยู่หลายทางด้วยกัน

เจมส์ คิม แห่งสถาบันอาซานเพื่อนโยบายศึกษา ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโซล ยกตัวอย่างว่า มีอาทิ การเปิดการโจมตีก่อนต่อสถานที่ทางขีปนาวุธและทางนิวเคลียร์ของโสมแดง, การเปิดการสนทนามีปฏิสัมพันธ์กับเปียงยาง ซึ่งเวลานี้วอชิงตันตั้งเงื่อนไขว่าจะเดินแนวทางนี้ต่อเมื่อโสมแดงให้คำมั่นสัญญาอย่างชนิดจับต้องได้ว่าจะยุติโครงการของตน, และการยกระดับเพิ่มมาตรการลงโทษคว่ำบาตร

“รัฐสภาสหรัฐฯ กำลังแสดงความสนใจอย่างมากในการใช้การลงโทษคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น” คิมบอก “นี่หมายความว่าสหรัฐฯ สามารถดำเนินการลงโทษคว่ำบาตรที่แข็งขันยิ่งขึ้น ซึ่งในความเห็นของผมแล้ว ก็คืออาจจะอยู่ในทำนองเดียวกับที่เคยใช้กับอิหร่านมาแล้ว”

อิหร่านนั้นในที่สุดก็ยอมทำข้อตกลงกับบรรดามหาอำนาจของโลกว่าจะจำกัดควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของตน ภายหลังจากสหรัฐฯ ขยายมาตรการลงโทษคว่ำบาตรไปถึงพวกสถาบันที่เกี่ยวข้องในระดับรองๆ ลงมาด้วย โดยเฉพาะการลงโทษพวกธนาคารในยุโรปที่กำลังติดต่อทำธุรกรรมกับระบอบปกครองอิหร่าน

มีผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายในวอชิงตันบางรายเรียกร้องให้ใช้มาตรการทำนองเดียวกันนี้มาจัดการกับประดาแบงก์จีนที่กำลังทำธุรกรรมกับเกาหลีเหนือ ทว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ หวังว่าปักกิ่งจะยอมร่วมมือกับวอชิงตันโดยไม่ต้องมีการปะทะกัน

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเปียงยางยิงขีปนาวุธพร้อมกัน 4 ลูก ซึ่งดูจะมุ่งแสดงให้เห็นความสามารถในการระดมยิงจรวดระยะกลางหลายๆ ลูกพร้อมๆ กันเข้าใส่เป้าหมาย รวมทั้งยังคงเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถยิงได้ไกลถึงอเมริกา สหรัฐฯ ก็เร่งรัดส่งชิ้นส่วนแรกของระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (Terminal High Altitude Area Defense - THAAD) ไปยังเกาหลีใต้ ถึงแม้ปักกิ่งแสดงความไม่พอใจอย่างหนักต่อการติดตั้งประจำการ THAAD ในแดนโสมขาว เนื่องจากเห็นว่าเรดาร์ของระบบนี้สามารถสอดแนมเข้าไปถึงแดนมังกร

คาดหมายกันว่าจีนจะต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเมื่อทิลเลอร์สันไปเยือนปักกิ่งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ทางรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นั้น นอกเหนือจากเรื่องโสมแดงแล้ว ก็ดูเตรียมทั้งเรื่องการเดินหน้าแผ่อิทธิพลอย่างแข็งกร้าวของปักกิ่งในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกขึ้นมาบอกกล่าว ตลอดจนประเด็นทางด้านการค้า

นอกจากนั้น อีกหนึ่งภารกิจสำคัญในการเยือนครั้งนี้ของทิลเลอร์สันคือ การเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับแผนการพบปะระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งคาดกันว่าจะจัดขึ้นที่รีสอร์ตของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา, สหรัฐฯ ช่วงต้นเดือนหน้า

กำลังโหลดความคิดเห็น