เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศหนักแน่นในวันอังคาร (1 ส.ค.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 90 ปี การสถาปนากองทัพปลดแอกประชาชน (พีแอลเอ) ย้ำ แม้รักสันติ แต่จีนจะไม่ยอมให้บุคคล องค์กร หรือพรรคการเมืองใดมาแบ่งแยกดินแดนส่วนหนึ่งส่วนใด ไม่ว่าเมื่อไหร่และด้วยรูปแบบไหนก็ตาม
จีนสร้างความกังวลไปทั่วเอเชียและทั่วโลกจากการอ้างสิทธิ์แข็งกร้าวในกรณีพิพาทด้านดินแดนบริเวณทะเลตะวันออกและทะเลจีนใต้ รวมทั้งแผนการสุดทะเยอทะยานในการปรับปรุงกองทัพให้ทันยุคทันสมัย
ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับไต้หวันที่จีนมองว่า เป็นมณฑลขบถและพร้อมใช้กำลังเข้าควบคุมถ้าจำเป็นนั้น เลวร้ายลงนับตั้งแต่ ไช่ อิง-เหวิน ผู้นำพรรคเดโมเครติก โปรเกรสซีฟ ปาร์ตี้ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีแดนมังกรน้อยเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังเผชิญการต่อต้านทางการเมืองในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง จากการที่ประชาชนจำนวนมาก หวั่นเกรงว่า ปักกิ่งจะรวบอำนาจและแทรกแซงมากขึ้น
พญามังกรยังมีปัญหาด้านพรมแดนกับเพื่อนบ้าน ซึ่งรวมถึงการเผชิญหน้ามานานกว่าเดือนกับอินเดียจากกรณีพิพาทด้านดินแดนบริเวณชายแดนจีนติดกับภูฏาน
ระหว่างปราศรัยในศาลาประชาชนที่มีการถ่ายทอดสดทางทีวีในวันอังคาร ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวโดยไม่พาดพิงเฉพาะเจาะจงถึงข้อพิพาทใดๆ ว่า แม้รักสันติ ไม่ก้าวร้าวหรือคิดขยายดินแดน แต่ขณะเดียวกัน จีนก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะการรุกรานทั้งหมดได้
ประมุขแดนมังกรย้ำว่า จีนจะไม่ยอมให้บุคคล องค์กร หรือพรรคการเมืองใดมาแบ่งแยกดินแดนส่วนหนึ่งส่วนใด ไม่ว่าเมื่อไหร่และด้วยรูปแบบไหนก็ตาม และไม่มีใครสามารถคาดหวังได้ว่า จีนจะกล้ำกลืนยอมรับสิ่งที่เป็นอันตรายต่ออธิปไตย ความมั่นคง และการพัฒนาประเทศ
นับจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2012 สีจัดการรวมศูนย์อำนาจและกวาดล้างผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ในพรรคคอมมิวนิสต์ พร้อมกับประกาศจุดยืนแข็งกร้าวเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านดินแดน
ขณะเดียวกัน กองทัพคือเป้าหมายสำคัญของการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตของสี โดยมีนายทหารอาวุโสหลายคนถูกลงโทษจากข้อหารับสินบน
สีกล่าวว่า หลังจากทุ่มเทอย่างหนักมาตลอด 5 ปี ขณะนี้ พีแอลเอประสบความสำเร็จในการแปลงโฉมองค์กรและโครงสร้างอำนาจ รวมถึงภาพลักษณ์ในสายตาประชาชน
การปฏิรูปตำแหน่งนายทหารอาวุโสในกองทัพ ระหว่างการประชุมสมัชชาของพรรคคอมมิวนิสต์ในฤดูใบไม้ผลิที่จะถึง ถูกคาดหมายว่าจะช่วยให้สีกระชับอำนาจมั่นคงขึ้น โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวย้ำว่า พรรคคอมมิวนิสต์คือผู้นำสูงสุดเหนือกองทัพ
จีนนั้นไม่เคยเข้าสงครามมาหลายสิบปี และปักกิ่งยืนยันว่า ไม่มีเจตจำนงเป็นปฏิปักษ์กับประเทศอื่น เพียงแต่ต้องการมีแสนยานุภาพในการปกป้องตนเองอย่างเหมาะสมเท่านั้น
กองทัพจีนซึ่งได้ชื่อว่า มีขนาดใหญ่ที่สุด กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงสู่ความทันสมัย ซึ่งรวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ เช่น เครื่องบินขับไล่ล่องหนและเรือบรรทุกเครื่องบิน ตลอดจนถึงการลดกำลังพล ทั้งนี้ เพื่อขยายอิทธิพลทางทหารให้ทัดเทียมกับความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจของจีน ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกรองจากอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการปฏิรูปบางส่วนก่อให้เกิดความวิตกกังวล แหล่งข่าววงในกองทัพแย้มว่า คำประกาศของสีเมื่อสองปีที่แล้วระหว่างพิธีสวนสนามว่า จะปลดทหารออก 300,000 นาย ทำให้นายทหารบางคนไม่สบายใจ
ขณะเดียวกัน แม้ที่ผ่านมาจีนยึดถือกลยุทธ์ในการ “ซ่อนเขี้ยวเล็บ” อย่างเคร่งครัดมาตลอด แต่ระยะหลังดูเหมือนพญากรจะหันมา “โชว์ของ” บ่อยขึ้น ล่าสุดคือเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 ก.ค.) ที่มีพิธีสวนสนามในมองโกเลีย ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ระหว่างพิธีนี้ สีย้ำความจำเป็นในการสร้างกองทัพที่มีแสนยานุภาพระดับโลกและจงรักภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งสามารถกำจัดศัตรูผู้รุกรานทั้งหมด
