รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านนโยบายการต่างประเทศและข่าวกรองในคณะบริหารของทรัมป์ ทั้ง เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศ และ เอช. อาร์. แมคมาสเตอร์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ กำลังหัวเสียอย่างหนักกับการที่ไม่สามารถบริหารจัดการงานของตนอย่างอิสระ ไม่นับรวมจุดยืนที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับทำเนียบขาวที่ส่งผลให้ข้อเสนอแนะหลายอย่างถูกมองข้าม ทั้งนี้จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หลายๆ ราย
การปะทะระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนหลักการร่วมมือระหว่างประเทศที่ต้องการให้อเมริกาคงบทบาทผู้นำโลก กับกลุ่มผู้เห็นดีเห็นงามกับแนวทาง “อเมริกาต้องมาก่อน” กำลังทำให้มืออาชีพด้านนโยบายการต่างประเทศและข่าวกรองภายในคณะบริหารสหรัฐฯ ท้อถอย
ทิลเลอร์สัน เคยเปรยกับเพื่อนๆ ว่า ถ้าได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศครบปีต้องถือว่า โชคดีมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่สองคนเล่าว่าแมคมาสเตอร์ ผิดหวังกับความไร้ระบบและไร้กฎเกณฑ์เกี่ยวกับนโยบายสำคัญต่างๆ ในทำเนียบขาว
แหล่งข่าววงในคนหนึ่งแย้มว่า ทิลเลอร์สันไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งที่ไม่มีอิสระและไม่มีอำนาจควบคุมกระทรวงการต่างประเทศเหมือนเช่นรัฐมนตรีต่างประเทศคนก่อนๆ แม้ยังไม่มีเค้าลางว่า เขาจะถอดใจ แต่แหล่งข่าวคนเดิมย้ำว่า สถานการณ์ดูท่าจะเลวร้ายลงมากกว่าดีขึ้น
ทางด้าน อาร์.ซี. แฮมมอนด์ โฆษกของทิลเลอร์สัน ยืนยันว่า ทิลเลอร์สันยังไม่คิดลาออก แต่กำลังมุ่งมั่นกับการรักษาตำแหน่งผู้นำโลกของสหรัฐฯ พร้อมปฏิเสธข่าวที่ว่า รัฐมนตรีต่างประเทศผู้นี้กำลังเดือดดาลสุดขีด
กระนั้น เจ้าหน้าที่ที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตนอีกคนเล่าว่า แม้ทิลเลอร์สันทำแต้มนำในด้านนโยบาย จากการกล่อมจนคณะบริหารยอมให้การรับรองว่า อิหร่านยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เขาก็ต้องหัวเสียอย่างมากกับการวิจารณ์อย่างรุนแรงเป็นการภายในเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าว ทั้งจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสตีฟ แบนนอน หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ของทรัมป์ รวมถึงเซบาสเตียน กอร์คา ผู้ช่วยในทำเนียบขาว
เจ้าหน้าที่ผู้นั้นขยายความว่า ทิลเลอร์สันไม่คิดว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอยู่ในตำแหน่งที่สามารถซักค้านรัฐมนตรีได้
แฮมมอนด์ออกมาแก้ข่าวเรื่องนี้อีกตามเคยว่า ทิลเลอร์สันไม่ได้มีปัญหากับทรัมป์เรื่องอิหร่าน และว่า เป็นเหตุการณ์ปกติในการกำหนดนโยบายที่ต้องมีการถกเถียงเพื่อคัดกรองแนวคิดต่างๆ
แต่นอกจากประเด็นอิหร่านแล้ว ว่ากันว่า ทิลเลอร์สันยังงัดข้อกับทรัมป์เรื่องอื่นอีก
เรื่องที่ว่าเกิดขึ้นหลังจากที่ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และอียิปต์ ประกาศคว่ำบาตรกาตาร์เมื่อเดือนที่แล้ว โดยอ้างว่าเพราะกาตาร์สนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงและขบวนการก่อการร้าย และทิลเลอร์สันออกมาเรียกร้องให้ประเทศเหล่านั้นผ่อนคลายมาตรการปิดกั้น และขอให้ทั้งสองฝ่ายหาทางยุติวิกฤตการณ์
แต่ไม่ถึง 90 นาทีต่อมา ทรัมป์กลับกล่าวหากาตาร์ว่า ให้การสนับสนุนลัทธิก่อการร้าย และพูดเป็นนัยว่า ตนเป็นคนช่วยบรรดาผู้นำอาหรับคิดแผนจัดการกับกาตาร์
เรื่องนี้ แฮมมอนด์แก้ต่างว่า แม้ดูเหมือนคณะบริหารส่งสัญญาณไปคนละทาง แต่ในที่สุดก็สามารถแก้ไขและสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้ได้
เดือนที่แล้ว สื่อออนไลน์ โพลิทิโกยังรายงานว่า ทิลเลอร์สันเคืองจอห์นนี ดีสเตฟาโน หัวหน้าสำนักงานคัดสรรและเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี ที่โจมตีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อในตำแหน่งสำคัญๆ ของกระทรวงการต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคงแห่งชาติหลายคนเผยว่า แมคมาสเตอร์ผิดหวังที่ข้อเสนอแนะของตัวเองให้ใช้มาตรการแข็งกร้าวกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย กลับถูกคณะบริหารเพิกเฉย ทั้งที่ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากฟิโอนา ฮิลล์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายรัสเซีย ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ทรัมป์นั้นคลางแคลงข้อสรุปของหน่วยงานความมั่นคงที่ว่า รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีที่แล้ว เพื่อช่วยให้ตนเอาชนะฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต
แมคมาสเตอร์ อดีตนายทหารยศพลโท ที่เคยชื่นชมทรัมป์ว่า มีความคิดสร้างสรรค์ ยังมีปัญหากับการถกเถียงยืดเยื้อเรื่องการส่งทหารอเมริกันเพิ่มเข้าไปเพื่อช่วยอัฟกานิสถานสู้กับกลุ่มตอลิบาน
ทิลเลอร์สันนั้นเมื่อตอนต้นเดือนนี้ พูดถึงความท้าทายในตำแหน่งรัฐมนตรีของตนเองโดยบอกว่า ต่างจากเจ้ากระทรวงคนก่อนๆ รวมทั้งตำแหน่งประธานบริหารเอ็กซอน โมบิลที่เขาเคยมีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจ ซึ่งทำให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้น
ทิลเลอร์สันทิ้งท้ายว่า รู้ดีว่า สามารถคาดหวังได้แค่ไหน และรู้ว่า ขั้นตอนและกระบวนการตัดสินใจต่างๆ ต้องมีระเบียบและใช้เวลา “แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่คุณลักษณะของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเลย”