รายงานการเมือง
ไม่เหนือความคาดหมาย หลังกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา จัดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2558 โดยยังคงให้ประเทศไทยอยู่ในระดับ เทียร์ 3 เหมือนเดิมเหมือนกับปีที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่าไทยยังไม่พยายามแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เท่าที่ควร
เรื่องนี้จะไม่มีเสียงนินทาอื้ออึงหรือคาใจอะไรเลย หากเพื่อนบ้านของไทยอย่างมาเลเซีย หรือประเทศคิวบา ไม่ถูกขยับขึ้นไปอยู่เทียร์ 2 จนเกิดการเปรียบเทียบกันไปทั่วโลก ว่า ทั้งที่ไทยทลายแก๊งค้ามนุษย์รายใหญ่ได้ พยายามออกกฎหมายเฉียบขาด ในขณะที่มาเลเซีย ดูจะไม่อึกทึกครึกโครมเท่าไหร่ แต่กลับพ้นเทียร์ 3 ได้อย่างง่ายดาย
สหรัฐฯใช้บรรทัดฐานอะไรในการตัดสิน ยังไม่เห็นคำอธิบายที่ชัดเจน และพอรับฟังได้ มันจึงกลายเป็นสมมติฐานว่าการประเมินการจัดอันดับการค้ามนุษย์หนนี้ อาจมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแบบเต็มเปา
หากจำกันได้ เรื่องที่มาเลเซียจะถูกปรับขึ้นไปอยู่ เทียร์ 2 มีข่าวออกมาก่อนหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะเผยแพร่ผลการจัดอันดับการค้ามนุษย์ด้วยซ้ำ สืบเนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการที่จะบรรลุผลเจรจาข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนรวมชาติแปซิฟิก (ทีพีพี) กับมาเลเซีย จึงตอบแทนให้ใช่หรือไม่ ???
กรณีของคิวบา ก่อนหน้านี้กับสหรัฐฯ แทบจะผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกัน อยู่เทียร์ 3 มากว่า 12 ปี แต่ก็หลุดขึ้นไปอยู่เทียร์ 2 ทันที หลังจาก บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพิ่งประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นในรอบ 50 ปี จึงเกิดเครื่องหมายคำถามว่า ความพยายามของ 2 ประเทศดังกล่าวในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์มีมากกว่าไทยมากน้อยเพียงใด และตกลงสหรัฐฯ ใช้หลักสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานในการประเมิน หรือเอาผลประโยชน์ระหว่างกันเป็นตัวตั้ง
หากวันนี้ไม่ใช่รัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เป็นรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้ง โดยเฉพาะในฟากฝั่งพรรคเพื่อไทย สหรัฐฯจะกระทำแบบนี้ต่อไทยหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิด เชื่อเหลือเกินว่าไทยจะได้ขยับไปอยู่ระดับ เทียร์ 2 เช่นเดียวกัน เห็นกันไปหลัด ๆ ตอนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ สหรัฐฯได้ประโยชน์จากไทยไปหลายเรื่อง แต่พอรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มาเท่านั้นแหละ สหรัฐฯเต้นเป็นลิงทันที เพราะอะไรที่เคยได้ก็ไม่ได้ เจรจาต้าอ่วยกันไม่รู้เรื่อง หนำซ้ำชาติมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน กลับกลายมาเป็นหุ้นส่วนสำคัญของไทยไปแทน ทำมาค้าขายกันแบบ “กากี่นั้ง” ทำให้สหรัฐฯ มองตาขวางด้วยความไม่พอใจ พยายามเล่นเกมข่มขู่ ใช้โลกล้อมประเทศไทย จุกจิกเจ๊าะแจ๊ะ
จริง ๆ เรื่องเทียร์ 3 คนในรัฐบาลเองคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่ามีโอกาสจะถูกจับแช่ยาวไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง เพียงแต่เมื่อเกิดกรณีเปรียบเทียบกับบางประเทศ มันจึงเป็นการประจานสหรัฐฯไปในตัวว่าใช้ตรรกะใดในการประเมิน แล้วหากไปดูประเทศที่ถูกจับดองอยู่ใน เทียร์ 3 เหมือนไทย ต่างก็เป็นประเทศที่มีเรื่องระหองระแหง หรือไม่ได้เป็นเด็กดีให้กับอันธพาลโลกกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน เกาหลีเหนือ ลิเบีย ซีเรีย และ ซูดาน
เรื่องจะคว่ำบาตรไทยหรือไม่ ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะรายงานให้ บารัค โอบามา ภายใน 90 วัน ประเมินแล้วคงไม่เกิดขึ้น เพราะหากมะกันทำอย่างนั้นจริง ไม่ต่างอะไรกับการสะบั้นความสัมพันธ์ที่มีกันมาอย่างยาวนานกับไทยกลาย ๆ สร้างความรู้สึกไม่พอใจให้กับคนไทยอย่างมหาศาล และกำลังตัดมหามิตรเก่าแก่ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ออกไปอีกหนึ่ง ขัดกับนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มุ่งรักษามิตรเก่า และเพิ่มมิตรใหม่ในอาเซียนที่ขัดแย้งกับจีน จึงไม่น่าจะโฉ่งฉ่างอย่างนั้น
แต่ที่ต้องระวังหลังจากนี้ คือ รายการแทงข้างหลัง กรณีสหภาพยุโรป (อียู) แจกใบเหลืองแก่ไทยในเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย ตามกฎระเบียบว่าด้วยการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ก่อนหน้านี้ ที่จะมีการประเมินว่าจะให้ใบเขียว หรือแจกใบแดง แก่ไทยในปลายปีนี้ แม้จะเป็นคนละเรื่องกับการค้ามนุษย์ แต่ก็คาบเกี่ยวกัน และดังที่รู้กันอียูกับสหรัฐฯ ไม่ใช่ใครอื่นไกล แทบจะเป็นเนื้อเดียวกันด้วยซ้ำ โอกาสแทรกแซงมีสูง
พี่เบิ้มรู้ดีว่า ประเทศไทยพึ่งการส่งออกเป็นรายได้หลักของประเทศ หากอียูแจกใบแดงให้กับประเทศไทย ผลกระทบจะมหาศาลมากกว่าการอยู่ใน เทียร์ 3 หลายเท่า การส่งออกของไทยจะมีปัญหา พาลจะไม่ซื้อสินค้าจากไทย เพื่อทำลายอุตสาหกรรมประมง และอาจจะขยายวงไปยังสินค้าอื่น ๆ ค่าความเสียหายอย่างต่ำ ๆ ไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ถึงกับทำไทยเดี้ยง และเสียศูนย์ไปได้ไม่น้อย คนที่ได้รับผลกระทบกระเทือนมากที่สุดนอกจากประชาชน ก็คือ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ที่อาจถูกต่อต้านจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
วิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการหนึ่งที่จะสามารถกดดันรัฐบาลไทยได้อย่างได้น้ำได้เนื้อ มีผลโดยตรงต่อตัวรัฐบาล หากใครสักคนพยายามจะขย่มรัฐบาล ก็เป็นอีแอบอยู่ข้างหลัง ร่วมด้วยช่วยซ้ำในประเด็นนี้ได้ อย่างที่มีการแฉกันออกมาก่อนหน้านี้ ว่า ใครบางคนแดนไกลพยายามจ้างล็อบบียิสต์มือดีของตัวเอง เขียนคอลัมน์กดดันรัฐบาลสหรัฐฯ ให้คงอันดับไทยอยู่ที่ เทียร์ 3 หวังตอกลิ่มรัฐบาลไทย
ถือเป็นงานหนักหน่วงสำหรับ “บิ๊กตู่” กับการรับมือมาตรการโลกล้อมประเทศ ยิ่งศัตรูมีล็อบบียิสต์มือดีทุกระดับอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่รัฐบาลมีแต่กลไกชี้แจง ไม่มีงบประมาณมากพอจะไปจ้างล็อบบียิสต์มาต่อสู้ จะต่อกรกับกลเกมพวกนี้อย่างไร นอกเหนือไปจากการตั้งรับที่ทำกันอยู่
สิ่งที่รัฐบาลทำได้เพียงอย่างเดียวตอนนี้ คือ แม้ไทยจะถูกจัดอันดับอยู่ใน เทียร์ 3 ต่อไป จะด้วยเส้นสนกลในอย่างไรก็ตามแต่ แต่ต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ต่อไป จับกุมขบวนการให้ได้มากที่สุด แม้จะรู้ว่าปีหน้าก็อาจจะยังคงถูกจับแช่อยู่ในจุดเดิมก็ตาม เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ที่ยังไม่รู้เช่นกันว่า สุดท้ายอียู จะควักใบแดงเล่นงานไทยหรือไม่ แต่ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ต้องพยายามทำตามเกณฑ์ของอียูให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่เช้าชาม เย็นชาม ให้คนนินทาหมาดูถูกได้ว่า หวังทำแค่ผักชีโรยหน้าเพื่อให้ผ่านการประเมินแล้วก็ปล่อยปละละเลยต่อไป
เมื่อทำเต็มที่ที่สุดแล้ว สหรัฐฯ หรืออียู ยังให้ผลลัพธ์ที่ออกมาในแง่ลบ คนที่ตัดสินว่าไทยเป็นอย่างที่สหรัฐฯ หรืออียู ตัดสินหรือไม่ คือ ประชาคมโลกและคนในประเทศ เหมือนกับการถูกจัดอันดับ เทียร์ 3 ในครั้งนี้ที่ค้านสายตาคนดู ถลกหนังให้เห็นเลยว่า ใช้เรื่องการเมืองอยู่เหนือเหตุผลใด ๆ โดยเฉพาะการเลือกให้ประเทศที่ตัวเองได้ประโยชน์ผ่าน และจับดองประเทศที่เป็นเด็กดื้อของตัวเอง แม้แต่ ส.ว. สหรัฐฯ ก็ยังออกมาประจานประธานาธิบดีตัวเองผ่านสื่อถึงความทุเรศทุรังในครั้งนี้ !!!