เอเจนซีส์ - ฟิลิปปินส์ฉลองวันชาติเมื่อวันจันทร์ (12 มิ.ย.) ในบรรยากาศของความกังวลต่อภัยก่อการร้าย ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ชี้ “อาบู บัคร์ อัล-บัคดาดี” ผู้นำของ “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) สั่งการโดยตรงให้กลุ่มก่อการร้ายเข้าไปก่อความวุ่นวายในแดนตากาล็อก ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศประสานเสียงว่า ไอเอสมีแผนเข้ายึดเมืองบนเกาะมินดาเนาอย่างน้อย 2-3 เมือง แต่ถูกกองกำลังรัฐบาลสกัดได้เสียก่อน
บรรดาเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทหาร และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในเมืองมาราวี ร่วมร้องเพลงชาติและฟังคำปราศรัยเนื่องในวันประกาศเอกราชของฟิลิปปินส์เมื่อวันจันทร์ (12) ท่ามกลางเสียงระเบิดและเสียงปืนดังกึกก้องสลับกันเป็นระยะ
“ถึงพี่น้องชาวมุสลิมของเรา เราต้องการให้การต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์นี้ยุติลง เพราะเราทั้งหมดล้วนเป็นชาวมุสลิม” มามินทัล อาดิออง เจอาร์. รองผู้ว่าราชการจังหวัดลาเนา เดล ซูร์ ปราศรัยในพิธีฉลองวันชาติเนื่องในวาระครบรอบที่ฟิลิปปินส์ปลดปล่อยตัวเองจากการปกครองของสเปน ทั้งนี้ มาราวีเป็นเมืองเอกของจังหวัดซึ่งตั้งอยู่บนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์แห่งนี้
ทหารฟิลิปปินส์หลายพันนายซึ่งมีกองทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯเป็นที่ปรึกษา กำลังขับเคี่ยวกับสมาชิกหลายร้อยคนของกบฏกลุ่ม “มาอูเต” และกลุ่มอบูไซยาฟ ที่ต่างประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) และเข้ายึดเมืองมาราวี รวมทั้งใช้พลเรือนราว 2,000 คนที่ยังตกค้างอยู่เป็นโล่มนุษย์มาตั้งแต่วันที่ 23 เดือนที่แล้ว
การสู้รบนี้ทำให้ทหารและตำรวจเสียชีวิต 58 นาย และพลเรือนอีกกว่า 20 คน กองทัพยังคาดว่าสมาชิกกบฏถูกสังหารเกือบ 200 คน
อย่างไรก็ดี กองทัพฟิลิปปินส์ยังไม่สามารถเผด็จศึกได้แม้มีอาวุธและกำลังพลเหนือกว่า เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธนี้ใช้ตัวประกันและอุโมงค์ป้องกันระเบิดที่มีอยู่มาปกป้องที่มั่นของตัวเอง
ประชากรราว 200,000 คนของมาราวีซึ่งเป็นเมืองมุสลิมในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคริสเตียน ได้พากันหลบหนีออกมาเกือบทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่ที่กองทัพเข้าขัดขวางแผนยึดเมืองนี้ของกลุ่มกบฏ ซึ่งปะทุขึ้นแบบกระทันหัน และเป็นการสู้รบที่แสดงให้เห็นว่า ไอเอสแทรกซึมเข้าสู่ฟิลิปปินส์แล้ว
ประธานาธิบดีดูเตอร์เตระบุก่อนหน้านี้ว่า การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขนาดใหญ่ของไอเอสที่ต้องการเข้าไปตั้งฐานที่มั่นทางใต้ของมินดาเนา ด้วยเหตุนี้ ผู้นำฟิลิปปินส์จึงประกาศกฎอัยการศึกบนเกาะดังกล่าวทันทีที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
ในวันอาทิตย์ (11) ดูเตอร์เตยอมรับว่า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการต่อสู้ในมาราวีจะรุนแรงเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ และว่าขณะนี้มีรายงานว่า อาบู บัคร์ อัล-บัคดาดี ผู้นำไอเอส สั่งการโดยตรงให้กลุ่มก่อการร้ายเข้าไปก่อความวุ่นวายในฟิลิปปินส์
ผู้นำฟิลิปปินส์ไม่ได้เปิดเผยว่าได้ข้อมูลนี้มาอย่างไร กระนั้น จากข้อเท็จจริงที่ว่านักรบเหล่านี้บางส่วนมาจากตะวันออกกลางทำให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พากันกังวลว่า กลุ่มก่อการร้ายสุดโต่งที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในอิรักและซีเรีย พยายามแทรกเข้าไปหาที่มั่นในมินดาเนา ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อภูมิภาคนี้
ในวันจันทร์ (5) อลัน ปีเตอร์ คาเยทาโน รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในมะนิลาว่า เป้าหมายในการปลดปล่อยมาราวีให้ได้ภายใน เป็นเรื่องค่อนข้างซับซ้อนเมื่อพิจารณาจากปัญหาและสถานการณ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
คาเยทาโนสำทับว่า กลุ่มก่อการร้ายมีแผนเข้ายึดเมืองในมินดาเนาอย่างน้อย 2-3 เมือง แต่แผนการดังกล่าวถูกขัดขวางโดยกองทัพรัฐบาลที่เปิดฉากลงมือก่อนด้วยการบุกมาราวีเพื่อจับกุมอิสนิลอน ฮาปิลอน ผู้นำกลุ่มอบูไซยาฟและหัวหน้าขบวนการไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว แม้ปฏิบัติการดังกล่าวคว้าน้ำเหลวก็ตาม
รัฐมนตรีต่างประเทศตากาล็อกยังบอกว่า ฟิลิปปินส์ต้องการร่วมมือกับอินโดนีเซียและมาเลเซียเพื่อสกัดกลุ่มหัวรุนแรง และเสริมว่า ดูเตอร์เตล่วงรู้มาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งแล้วว่า เมื่อกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยอเมริกาประสบความสำเร็จในการสู้รบกับไอเอสในซีเรียและอิรัก กลุ่มก่อการร้ายนี้จะต้องแสวงหาฐานที่มั่นใหม่ ซึ่งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ล้วนเป็นเป้าหมายสำคัญ
วันอาทิตย์ พล.ท.คาร์ลิโต กัลเวซ ผู้บัญชาการทหารฟิลิปปินส์ในแถบมาราวีแถลงว่า การต่อสู้ในมาราวีจะยากลำบากและนองเลือดที่สุด และอาจใช้เวลาอีกหลายวันและหลายเดือนในการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธ
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน (10) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงมะนิลาเผยว่า กองทหารอเมริกันได้จัดหาความช่วยเหลือให้แก่กองทัพฟิลิปปินส์เพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธในมาราวี แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดโดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย ขณะที่มะนิลาระบุว่า เป็นความช่วยเหลือด้านเทคนิค และยืนยันว่า ไม่มีทหารอเมริกันร่วมรบภาคพื้นดิน
ทางด้านเจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งเปิดเผยว่า การสนับสนุนนี้ครอบคลุมการส่งเครื่องบินขึ้นสอดแนมและการกำหนดเป้าหมายทางอากาศ การดักฟังการสื่อสารระบบอิเล็กทรอนิกส์ ความช่วยเหลือในการสื่อสาร และการฝึก โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9) มีผู้พบเห็นเครื่องบินตรวจการณ์แบบพี 3 โอไรออน ของสหรัฐฯ บินเหนือน่านฟ้าเมืองมาราวี
ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเก่าแก่สองชาตินี้ในการสู้รบที่เมืองมาราวีถือว่ามีความหมายสำคัญ เนื่องจากดูเตอร์เตที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่ออเมริกาอย่างชัดเจน และเตบประกาศขับครูฝึกและที่ปรึกษาทางทหารของอเมริกาออกจากประเทศ
แม้เพนตากอนไม่ได้ส่งกองกำลังไปประจำการถาวรในฟิลิปปินส์ แต่ตลอดหลายปีมานี้มีทหารหน่วยรบพิเศษ 50-100 คนผลัดเปลี่ยนอยู่ทางภาคใต้ของแดนตากาล็อก คอยทำหน้าที่ฝึกสอนและร่วมการซ้อมรบ
ดูเตอร์เตยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่า ไม่ได้ขอการสนับสนุนจากวอชิงตัน และไม่ทราบว่ามีกองทหารรบพิเศษของอเมริกามาร่วมให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด
ทางด้านคาเยทาโนทิ้งท้ายว่า รัฐบาลไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจเรื่องการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ เนื่องจากเมื่อพิจารณาถึงข้อตกลงทางการทหารทวิภาคีและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามเวลาจริง รัฐบาลเชื่อว่า ควรปล่อยให้กองทัพและกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ตัดสินใจ