รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี(1มิ.ย.) เผยว่าเขาจะถอนอเมริกาออกจากข้อตกลงประวัติศาสตร์ของโลกเมื่อปี 2015 สำหรับต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ปฏิเสธคำวิงวอนจากพันธมิตรทั้งหลายของอเมริกา ในความเคลื่อนไหวที่ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง
“เรากำลังออกจากข้อตกลง” ทรัมป์ กล่าว ณ พิธีหนึ่งซึ่งจัดขึ้นบริเวณสวนกุหลาบในทำเนียบขาว ขณะที่เขาคร่ำครวญว่าข้อตกลงปารีส ก่อภาระทางการเงินและเศรษฐกิจอย่างแสนสาหัส
“เพื่อเติมเต็มหน้าที่อันทรงเกียรติของผมสำหรับปกป้องอเมริกาและพลเมืองอเมริกา สหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส” ทรัมป์กล่าว อย่างไรก็ตาม เขาพูดเสริมว่าสหรัฐฯจะเริ่มต้นเจรจาในการหวนคืนสู่ข้อตกลงปารีสหรือความตกลงใหม่ๆ ภายใต้เงื่อนไขที่ยุติธรรมกับอเมริกา ภาคธุรกิจของอเมริกา แรงงานของอเมริกา ประชาชนชาวอเมริกาและผู้เสียภาษีอเมริกา
ด้วยจุดยืนของทรัมป์ สหรัฐฯ จะตีจากเกือบทุกประเทศในโลก เดินหนีประเด็นปัญหาที่ทั่วโลกพยายามผลักดันมากที่สุดประเด็นหนึ่งในยุคศตวรรษที่ 21 และการถอนตัวครั้งนี้จะทำให้อเมริกาอยู่ในระนาบเดียวกับซีเรียและนิการากัว เป็นเพียงไม่กี่ชาติของโลกที่ไม่เข้าร่วมในข้อตกลงดังกล่าว
สหรัฐฯ เป็น 1 ใน 195 ชาติที่เห็นชอบข้อตกลงโลกร้อนในปารีสเมื่อเดือนธันวาคม 2015 ข้อตกลงที่อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เล่นบทบาทเป็นคนกลาง
พวกผู้สนับสนุนข้อตกลงประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ว่าเป็นการสละความเป็นผู้นำโลกของอเมริกาและเป็นเรื่องอัปยศระหว่างประเทศ “ณ ปัจจุบัน ยามที่ภาวะโลกร้อนกำลังก่อภัยหายนะทั่วโลก เรากลับไม่มีศีลธรรมมากพอ และหันหลังให้กับความพยายามพิทักษ์โลกนี้เพื่อคนรุ่นหลัง” เบอร์นี แซนเดอร์ส ส.ว.สหรัฐฯ กล่าว
“การละเลยความจริงและละทิ้งข้อตกลงปารีสอาจเป็นความผิดพลาดทางนโยบายต่างประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศเราเลยก็ได้ มันเท่ากับเป็นการโดดเดี่ยวสหรัฐฯ มากขึ้น หลังจากทริปการเยือนยุโรปที่เลวร้ายและน่าช็อคของทรัมป์” เชบดอน ไวท์เฮาส์ วุฒิสมาชิกจากเดโมแครตอีกคนกล่าว
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งต้องใช้เวลาเจรจานานหลายปี เหล่าประเทศผู้ร่ำรวยและยากจนให้สัญญาลดการปล่อยมลพิษที่เรียกว่าก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ชี้ว่ามันเป็นต้นตอของภาวะโลกร้อน
วอชิงตัน ภายใต้รัฐบาลของโอบามา ได้ให้สัญญาว่าจะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 26-28% จากระดับเมื่อปี 2005 ภายในปี 2025 ขณะที่สหรัฐฯ เป็นรองเพียง จีน ประเทศเดียว ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมามากที่สุด คิดเป็นมากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของทั่วโลกรวมกัน
ทรัมป์ ซึ่งยกสโลแกน “อเมริกา ต้องมาก่อน” ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ให้สัญญากับผู้มีสิทธิออกเสียง ว่าสหรัฐฯ จะถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อน
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้สนับสนุนข้อตกลงโลกร้อนชาวสหรัฐฯ มองว่าการถอนตัวโดยทรัมป์ เท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นว่าอเมริกามิอาจเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจให้เจริญรอยตามผ่านพันธสัญญาระหว่างประเทศอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้พวกผู้นำนานาชาติพยายามโน้มน้าวทรัมป์ ไม่ให้ละทิ้งข้อตกลง ทว่าแม้จะถูกกดดันจากพันธมิตรในกลุ่มจี 7 ระหว่างการประชุมในอิตาลีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ รายนี้ได้ปฏิเสธคำเรียกร้องจากผู้นำแคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น และอังกฤษ โดยไม่ยอมลงนามในคำแถลงจุดยืนแก้ไขวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวนหรือโลกร้อน
ระหว่างหาเสียง ทรัมป์บอกว่าข้อตกลงดงกล่าวจะก่อต้นทุนแก่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลายพันล้านดอลลาร์ โดยไม่ได้ประโยชน์ที่จับต้องได้กลับมา นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแสดงความคลางแคลงใจต่อภาวะโลกร้อน โดยบอกว่ามันเป็นเรื่องโกหกที่มีเป้าประสงค์สร้างความอ่อนแอแก่อุตสาหกรรมของสหรัฐฯ