เอเอฟพี - รัฐบาลทั่วโลกออกมาแสดงความไม่พอใจ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) ว่าจะนำชาติผู้ก่อมลพิษอันดับ 2 ของโลกถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสปี 2015 และปล่อยให้นานาชาติต่อสู้กับปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโดยไม่มีอเมริกาเป็นผู้นำ
ประธานาธิบดีเอมมานูแอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เป็นคนแรกๆ ที่ออกมาประณามทรัมป์ ว่า “คิดผิด” และยืนยันว่าปารีสจะปกป้องข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของโลก
เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ซึ่งเป็น 3 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตที่สุดในยุโรป ได้ออกแถลงการณ์ร่วมวิจารณ์การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ พร้อมปัดข้อเสนอของ ทรัมป์ ที่ว่าอเมริกาอาจจะยอมเข้าร่วมข้อตกลงปารีสหากได้เงื่อนไขใหม่ๆ ที่ยุติธรรมมากกว่านี้
“เรารู้สึกเสียใจเมื่อได้ทราบการตัดสินใจของสหรัฐอเมริกา” คำแถลงดังกล่าวระบุ พร้อมชี้ว่าข้อตกลงปารีสซึ่งมุ่งลดการปลดปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ “ถือเป็นกลไกสำคัญในการปกป้องโลก สังคม และเศรษฐกิจของเรา”
“เรามีความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงฉบับนี้ไม่สามารถเจรจาต่อรองใหม่ได้อีก”
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แห่งแคนาดาได้ต่อโทรศัพท์ถึง ทรัมป์ เพื่อแสดงความผิดหวัง แต่ขณะเดียวกันก็บอกว่ารู้สึกมีแรงบันดาลใจเมื่อเห็นว่า “ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการต่อสู้ปัญหาสภาพอากาศ และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างสะอาดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ”
รัฐมนตรีของเม็กซิโกระบุว่า โลกมี “ความจำเป็นในด้านจริยธรรม” ที่จะต้องรักษาพันธกรณีต่อข้อตกลงภูมิอากาศปารีส ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศบราซิลก็ยอมรับว่ารู้สึกเป็นกังวลและผิดหวังกับการตัดสินใจของวอชิงตัน
นายกรัฐมนตรีโวเรเก ไบนิมารามา แห่งฟิจิ ซึ่งจะเป็นประธานในการประชุมสภาพอากาศที่เยอรมนีในช่วงปลายปีนี้ ก็วิจารณ์คำประกาศของผู้นำสหรัฐฯ ว่า “น่าผิดหวังอย่างยิ่ง” พร้อมฝากเตือนไปยังประเทศอื่นๆ ว่า “การต่อสู้ยังไม่จบ” แม้จะขาดโต้โผใหญ่อย่างอเมริกาไปก็ตาม
ด้านทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า มาครงได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับทรัมป์ เพื่อยืนยันว่าเงื่อนไขในข้อตกลงปารีสนั้น “ไม่สามารถต่อรองได้” พร้อมยืนยันว่าทั้งสองชาติจะร่วมมือกันต่อไปในประเด็นปัญหาอื่นๆ แต่ไม่ใช่เรื่องโลกร้อน
ในการแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์เป็นภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ มาครงกล่าวว่า ทรัมป์กำลังทำสิ่งที่ “ผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์” พร้อมเชื้อเชิญนักวิทยาศาสตร์อเมริกันและผู้ประกอบการที่ผิดหวังกับนโยบายของ ทรัมป์ ให้ย้ายเข้ามาทำงานในฝรั่งเศสแทน
“พวกเขาจะพบว่าฝรั่งเศสคือบ้านหลังที่สอง... ผมขอเชิญชวนให้มาทำงานที่นี่ มาร่วมมือกันคิดหาทางออกที่เป็นรูปธรรมให้แก่สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมของเรา”
ผู้นำเมืองน้ำหอมวัย 39 ปียังหยิบสโลแกนหาเสียง “Make America Great Again” ของ ทรัมป์ มาแก้เสียใหม่ โดยเรียกร้องบรรดาผู้ที่ห่วงใยปัญหาโลกร้อนว่า “จงทำโลกของเราให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง” (Make Our Planet Great Again.)
นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ก็ได้แสดงความเสียใจกับท่าทีของสหรัฐฯ และวิงวอนให้ทุกฝ่าย “ร่วมสานต่อนโยบายสภาพอากาศเพื่อปกป้องโลก” ขณะที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษ ฝากเตือน ทรัมป์ ว่าข้อตกลงภูมิอากาศปารีสเป็นเสมือนเกราะคุ้มกันอนาคตของประชากรรุ่นต่อไป
“ข้อตกลงปารีสคือกรอบการทำงานระดับโลกที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของชนรุ่นหลัง ขณะเดียวกันก็ทำให้พลเมืองและภาคธุรกิจของเราสามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานที่ปลอดภัย” เมย์ กล่าวกับ ทรัมป์ ทางโทรศัพท์ ตามคำแถลงของสำนักนายกฯ บนถนนดาวนิง
ด้านกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นชี้ว่า คำแถลงของสหรัฐฯ นั้น “น่าเสียใจ” แต่ยืนยันว่าโตเกียวจะยังคงเดินหน้าผลักดันมาตรการต่อสู้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงต่อไป
ทรัมป์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวในสวนกุหลาบของทำเนียบขาว โดยประกาศว่าสหรัฐฯ กำลังจะ “ถอนตัว” ออกจากข้อตกลงปารีสที่เป็นต้นเหตุทำให้ประเทศต้องสูญเสียเม็ดเงินเป็นหมื่นๆ ล้านดอลลาร์ และชาวอเมริกันนับล้านคนต้องตกงาน
เขายืนยันว่าข้อตกลงฉบับนี้ “ไม่แฟร์” กับสหรัฐฯ และเป็นประโยชน์เฉพาะกับประเทศผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ๆ อย่างจีนและอินเดีย