เอเจนซีส์/เอพี – ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงประกาศ จะไม่มีการส่งตัวนักโทษออกนอกเรือนจำทหารกวนตานาโม บนเกาะคิวบาอีกต่อไป ให้เหตุผล กลุ่มคนอันตรายไม่ควรให้โอกาสกลับไปสู่แดนสงคราม หลังก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวแถลงในช่วงค่ำวันอังคาร(3 ม.ค) คาดจะสามารถย้ายผู้ต้องขังเหล่านี้ออกมาได้ทันก่อนวันสาบานตนของทรัมป์ ด้านคู่แข่งชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน พร้อมสามี อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิล คลินตัน ตอบตกลงร่วมพิธีการสาบานตนของทรัมป์วันที่ 20 ม.ค ที่จะถึงนี้ รวมไปถึงอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บูช และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ลอรา บูชตอบตกลงเข้าร่วมอย่างชื่นมื่น
บีบีซีรายงานเมื่อวานนี้(3 ม.ค)ว่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศผ่านทางทวีตเตอร์ในวันอังคาร(3 ม.ค)ว่า ต่อไปข้างหน้าจะต้องไม่มีการย้ายตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำทางทหารกวนตานาโม คิวบาออกไปที่อื่นอีกต่อไป ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากในช่วงค่ำวันอังคาร(3 ม.ค) ทำเนียบขาวแถลง คาดจะสามารถย้ายผู้ต้องขังเหล่านี้จำนวนมากขึ้นออกมาได้ทันก่อนวันสาบานตนของทรัมป์
ซึ่งพบว่ายังคงมีนักโทษอยู่ภายในคุกแห่งนี้อีก 60 คน และก่อนหน้าประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้เคยออกมาประกาศจะทำการปิดเรือนจำความมั่นคงสูงบนเกาะคิวบาแห่งนี้ภายในช่วงเวลาที่เขายังดำรงตำแหน่งอยู่ และที่ผ่านมาโอบามาได้สั่งย้ายนักโทษจำนวนมากออกนอกเรือนจำแห่งนี้
สื่ออังกฤษชี้ว่า ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ได้เคยออกมาคัดค้านการสั่งปิดเรือนจำทางทหารแห่งนี้ โดยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศว่า “เช้าวันนี้ ผมได้ฟังประธานาธิบดีสหรัฐฯ โอบามากล่าวถึงเรือนจำกวนตานาโม ซึ่งไม่ว่าจะทางใด ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะยังเปิดเรือนจำแห่งนี้ต่อไป”
และในแถลงการณ์ ทรัมป์ยังกล่าวต่อว่า “ซึ่งเราจะเปิดมันต่อไป และเราจะนำตัวคนร้ายจำนวนมากอัดเข้าไปภายในเรือนจำแห่งนี้ เชื่อผมเถอะ เราจะทำมันเช่นนั้น”
ทั้งนี้ในวันที่ 17 ธ.ค ที่ผ่านมา สื่อสหรัฐฯต่างรายงานว่า เพนตากอนมีแผนที่จะย้ายนักโทษอีกจำนวน 17 คนออกจากคุกกวนตานาโมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า นักโทษกวนตานาโมชุดแรกจำนวน 20 คนถูกย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนจำทางทหารแห่งนี้ในวันที่ 11 ม.ค 2002 และนับตั้งแต่นั้นมามีนักโทษจำนวน 780 คนถูกขังอยู่ภายในนี้ โดยส่วนใหญ่ไม่ได้รับการไต่สวนหรือการถูกตั้งข้อกล่าวหา
ด้านเอพีรายงานว่า สำหรับพิธีการสาบานตนของทรัมป์ ล่าสุดมีรายงานว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิล คลินตัน และคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ตกลงที่จะร่วมในงานพิธีสาบานตนของทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค ที่จะถึงนี้
ซึ่งการประกาศเข้าร่วมของครอบครัวคลินตันเกิดขึ้นหลังจากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บูช และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ลอรา บูช ตกลงที่จะเข้าร่วมการสาบานตนของทรัมป์ โดยสำนักงานของอดีตประธานาธิบดีบูชกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ครอบครัวบูชมีความยินดีที่จะร่วมเป็นพยานในการส่งผ่านอำนาจอย่างสันติ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นประชาธิปไตยของอเมริกา และการสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเพนซ์”
เอพีชี้ว่า ถือเป็นธรรมเนียมในการเมืองสหรัฐฯที่อดีตประธานาธิบดีอเมริกา และคู่สมรสจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนผู้นำคนต่อไป แต่ทว่าอาจกลายเป็นงานยากสำหรับอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 เช่น คลินตัน หลังจากต้องพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯให้แก่ทรัมป์อย่างไร้ทางต่อสู้
และนอกจากนี้สำหรับตระกูลบูชแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และอดีตประธานาธิบดีบูชนั้นไม่ราบรื่นนัก จากการที่น้องชายของอดีตผู้นำสหรัฐฯ เจบ บูช อดีตผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เคยเป็นคู่แข่งของทรัมป์ในรอบไพรมารี และในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งบูชและลอรา บูชต่างประกาศทางสาธารณะ ตัดสินใจไม่เลือกผู้สมัครคนใด แทนที่จะเลือกทรัมป์ ซึ่งเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของพรรครีพับลิกัน
แต่อย่างไรก็ตาม เอพีระบุว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บูช ได้ต่อสายแสดงความยินดีต่อทรัมป์หลังจากทราบผล
เอพีรายงานต่อว่า สำหรับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ เอชดับเบิลยู บูช ผู้พ่อ และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 บาบาร์รา บูช ประกาศไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนครั้งนี้เนื่องมาจากปัญหาสูงอายุ และด้านสุขภาพเป็นสำคัญ ส่วนอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์ และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 โรสซาลีน(Rosalynn) ได้ออกแถลงการณ์ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสักขีพยานให้เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เช่นกัน
