xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อนักธุรกิจเป็นประธานาธิบดี อาทิตย์เดียวก็ได้เรื่อง

เผยแพร่:   โดย: นพ นรนารถ

แค่อาทิตย์เดียวของการทำหน้าที่ประธานาธิบดี คนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ก็สร้างความฮือฮาที่มาพร้อมกับกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกประเทศ

หลายๆ เรื่องที่ประกาศไว้ตอนหาเสียง ถูกผลักดันออกมาอย่างเร่งด่วน ด้วยการตวัดปากกาลงนามใน “คำสั่งของฝ่ายบริหาร” หรือ Executive Order เพื่อแสดงให้เห็นว่าทำจริง ไม่ใช่แค่นโยบายที่ใช้เพื่อหาเสียง แต่พอชนะเลือกตั้ง ก็ลืม ไม่ทำตามสัญญา

โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า The Curse of the Winner คือ ภาระ หรือแอกที่ผู้ชนะต้องแบกรับไว้ ซึ่งหมายถึงเรื่องที่หาเสียงไว้ว่า จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ พอได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว พบกับความเป็นจริงของชีวิตว่า หลายๆ เรื่องทำไม่ได้ หรือทำยาก ทำแล้วมีผลกระทบเยอะ แต่หาเสียงไว้แล้ว ไม่ทำไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้า ทำไปแล้วจะได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่สำคัญคือ แสดงให้ประชาชนเห็นว่า ที่หาเสียงไว้นะ ได้ทำแล้วนะ

คำสั่งของฝ่ายบริหาร เป็นอำนาจของประธานาธิบดีที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ฝ่ายบริหาร คือ ประธานาธิบดี หรือผู้ว่าการมลรัฐใช้เป็นเครื่องมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานของหน่วยงานให้ชัดเจน โดยจะต้องไม่ขัดกับกฎหมายที่มีอยู่แล้ว

ประธานาธิบดีที่เพิ่งรับตำแหน่งในวันแรกๆ มักจะออกคำสั่งฝ่ายบริหารในเรื่องสำคัญๆ ที่ตัวเองได้หาเสียงไว้ หรือยกเลิกนโยบายของประธานาธิบดีคนก่อน ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งอย่างเช่น บารัค โอบามา เมื่อเข้ารับตำแหน่งในสมัยแรกตอนปี 2009 ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับแรกให้ปิดคุกกวนตานาโม ที่คิวบา ซึ่งเป็นคุกที่ใช้คุมขังผู้ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นสมัยจอร์จ บุช ภายในปีนั้น แต่โอบามาพ้นตำแหน่งไปแล้ว หลังจากเป็นประธานาธิบดีสองสมัย 8 ปี คุกกวนตานาโมยังอยู่ สิ่งที่โอบามาทำได้ ก็เพียงแค่ลดจำนวนนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ที่นั่น จนเหลือน้อยลงกว่าตอนที่เขารับตำแหน่งครั้งแรกหลายเท่าตัว

สัปดาห์แรกของโดนัลด์ ทรัมป์ เขาเซ็นคำสั่งฝ่ายบริหารไป 15 ฉบับ ถือว่าปกติ เทียบกับประธานาธิบดีคนก่อนๆ แต่ว่าหลายๆ เรื่องเรียกเสียงฮือฮาอย่างอึงคะนึงว่า คิดได้อย่างไร

อย่างเช่น การสั่งให้ดำเนินการสร้างกำแพงหรือรั้วที่ชายแดนติดกับเม็กซิโก เพื่อป้องกันคนเม็กซิกันเข้าประเทศ เป็นคำสั่งที่ไม่น่าจะมีผลในทางปฏิบัติ เพราะต้องใช้งบประมาณในการสร้าง ซึ่งเรื่องที่ต้องใช้งบประมาณรัฐ ต้องขออนุมัติจากรัฐสภาก่อน

เมื่อทรัมป์ บอกว่า เม็กซิโกต้องเป็นผู้จ่ายค่าก่อสร้าง นายเอ็นริเก เปญา นิเอโต ประธานาธิบดีเม็กซิโก บอกว่า ไม่จ่าย ทรัมป์ให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวให้ข่าวว่า ถ้าเม็กซิโกไม่จ่าย สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก 20% เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าก่อสร้าง ทำให้ประธานาธิบดีเม็กซิโก ประณามการแถลงของทำเนียบขาว และประกาศยกเลิกการเดินทางเยือนสหรัฐฯ

สุดท้าย ทรัมป์ต้องเป็นฝ่ายถอย หลังจากมีการต่อสายคุยกันกับนายเอ็นริเก และทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า จะไม่มีการออกข่าวเรื่องค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพงต่อสาธารณะอีก

คำสั่งฝ่ายบริหารที่ห้ามพลเมืองจากประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม 7 ประเทศ เดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ขอลี้ภัยจากประเทศเหล่านี้เข้าประเทศเป็นเวลา 120 วัน กับห้ามรับผู้ลี้ภัยจากซีเรียโดยไม่มีกำหนด เป็นคำสั่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และค่านิยมที่สหรัฐอเมริกายึดถือมาตลอดว่า จะไม่กีดกันเลือกปฏิบัติต่อประชาชน ไม่ว่าเชื้อชาติหรือศาสนาใด

7 ประเทศที่โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งแบนคือ อิหร่าน ซีเรีย อิรัก ลิเบีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย ยกเว้นอิหร่าน ชาติที่เหลือคือ ประเทศที่รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิด ส่งสายลับเข้าไปก่อสงครามกลางเมืองจนทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด ประชาชนต้องอพยพหนีตาย แต่โดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของพวกเขา

คำสั่งห้ามมุสลิม 7 ประเทศเข้าอเมริกา มีผลบังคับใช้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในอเมริกาแล้ว และได้รับอนุญาตให้อยู่เป็นการถาวรด้วย หากเดินทางออกนอกประเทศและจะกลับเข้ามาหลังวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้จะไม่สามารถเข้าประเทศได้

ทรัมป์อ้างว่า คำสั่งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายจากประเทศเหล่านี้เข้ามาคุกคามชีวิตคนอเมริกัน ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่เขาหาเสียงไว้ แต่ข้อเท็จจริงคือ เหตุการณ์ ถล่มตึกเวิลด์เทรด วันที่ 9 กันยายน 2011 ผู้ก่อการร้ายหลายคนเป็นชาวซาอุดีอาระเบีย ความรุนแรงอีกหลายครั้งหลังจากนั้น ผู้ก่อการร้ายบางคนเกิดในสหรัฐฯ ในครอบครัวที่อพยพมาจากอัฟกานิสถาน บางคนเป็นชาวเชสเนีย ซึ่งเป็นมุสลิมจากรัสเซีย ไม่มีผู้ก่อการร้ายคนใดที่ก่อเหตุในสหรัฐฯ ที่มาจาก 7 ประเทศที่โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งแบน

ในทางกลับกัน ประเทศที่มีประวัติว่า พลเมืองของตนมีส่วนในการก่อการร้ายในสหรัฐฯ อย่างซาอุฯ อัฟกานิสถาน และรัสเซีย ไม่ถูกห้ามเข้าสหรัฐฯ เช่นเดียวกับ ชาติมุสลิมอย่างอียิปต์ ตูนีเซีย แม้กระทั่งอินโดนีเซีย ซึ่งทรัมป์มีผลประโยชน์ทางธุรกิจอยู่

คำสั่งฝ่ายบริหารนี้กำลังถูกท้าทายว่า มีความชอบธรรมหรือไม่ นอกจากจะเผชิญกับการต่อต้านจากคนอเมริกันที่ไปชุมนุมประท้วงตามสนามบินต่างๆ ยังถูกศาลกลางในบรู๊คลิน และศาลมลรัฐเวอร์จิเนียระงับการบังคับใช้เป็นการชั่วคราว เพราะมีผู้ฟ้องศาลว่า คำสั่งนี้ขัดรัฐธรรมนูญ

สัปดาห์แรกของโดนัลด์ ทรัมป์ ในทำเนียบขาว ไม่ผิดไปจากที่มีผู้ปรามาสไว้ว่า เมื่อนักธุรกิจขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาจะปกครองประเทศเหมือนบริหารกิจการส่วนตัว ไม่สนใจหลักการที่ถูกต้อง ไม่ฟังเสียงคนอื่น ไม่รับรู้ผลที่จะเกิดขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น