ซีเอ็นเอ็น - จีนทะเยอทะยานกำหนดเป้าหมายก้าวเป็นมหาอำนาจด้านอวกาศ ด้วยวางโครงการบุกด้านมืดของดวงจันทร์ในปี 2018 และตะลุยดาวอังคารภายในสิ้นปี 2020
หน่วยงานด้านอวกาศของจีนตั้งโต๊ะแถลงเผยแพร่เอกสารนโยบายและกรอบเป้าหมายในอนาคตด้านการสำรวจห้วงอวกาศลึกของรัฐบาลเมื่อวันอังคาร (27 ธ.ค.) ที่ผ่านมา
โดยโครงการด้านอวกาศของจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน วางเป้าหมายบุกด้านมืดของดวงจันทร์ในปี 2018 และตะลุยดาวอังคารก่อนสิ้นทศวรรษนี้
อู๋ ว่านหัว รองหัวหน้าองค์การบริหารอวกาศจีน ระบุว่า ปักกิ่งมีเป้าหมายส่งยานอวกาศลำแรกไปดาวอังคารในปี 2020 สำหรับโคจรรอบดาวอังคารและสำรวจทั่วๆ จากนั้นก็จะตามด้วยภารกิจที่สอง ซึ่งในนั้นจะรวมถึงการเก็บตัวอย่างพื้นผิวของดาวอังคาร
นายอู๋เผยอีกว่า จีนยังมีแผนส่งยานอวกาศไปยังดาวพฤหัสบดีและดาวบริวารด้วย “นั่นคือเป้าหมายโดยรวมของเรา ราวๆ ปี 2030 จีนจะเป็นหนึ่งในมหาอำนาจด้านอวกาศของโลก”
จีนเริ่มต้นสำรวจยานอวกาศช้ากว่ามหาอำนาจหลายชาติ พวกเขาไม่เคยส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศจนกระทั่งปี 1970 ไม่นานหลังสหรัฐฯ ส่งมนุษย์คนแรกไปเหยียบดวงจันทร์
แต่ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาจีนทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์และทรัพยากรอื่นๆ ไปกับการวิจัยและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ และในปี 2003 จีนดำเนินการส่งยานออกไปสำรวจอวกาศ นำยานหุ่นยนต์โรเวอร์จอดบนพื้นผิวดวงจันทร์และส่งห้องทดลองอวกาศขึ้นสู่วงโคจร เปิดทางสำหรับการสร้างสถานีอวกาศของตนเอง
รองหัวหน้าองค์การบริหารอวกาศจีนบอกว่าปักกิ่งยังคงศึกษาความเป็นไปได้ที่จะส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ แต่ตอนนี้พุ่งเป้าไปที่ภารกิจยานหุ่นยนต์ ในนั้นรวมถึงการลงจอดแบบนุ่มนวลบริเวณด้านห่างไกลของดวงจันทร์ราวๆ ปี 2018
เขายังเน้นย้ำว่าจีนกำลังเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานอวกาศนานาชาติอื่นๆ ยกเว้นนาซา เนื่องจากนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา สภาคองเกรสสหรัฐฯ สั่งห้ามนาซาทำงานกับจีน โดยอ้างเหตุผลความกังวลต่อความมั่นคงของชาติ