เอเอฟพี - สื่อโสมแดงรายงานในวันอาทิตย์ (3 พ.ค.) ว่าผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ให้คำมั่นจะส่งดาวเทียมขึ้นไปในอวกาศให้มากขึ้น เพื่อมุ่งจะเป็นมหาอำนาจในด้านอวกาศ แม้ว่าทั่วโลกจะพากันประณามการส่งดาวเทียมในครั้งก่อนๆ เพราะเชื่อว่าอันที่จริงแล้วเป็นการแอบทดสอบขีปนาวุธระยะไกล
สำนักข่าว เคซีเอ็นเอ รายงานว่า ในระหว่างการเยือนศูนย์บัญชาการดาวเทียมที่สร้างขึ้นมาใหม่ คิม จองอึน ได้เรียกร้องให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ทำงานให้หนักขึ้น เพื่อนำพาเกาหลีเหนือไปสู่การเป็นมหาอำนาจด้านอวกาศ
มีการรายงานคำพูดของคิม ที่ระบุว่า สถานภาพของเกาหลีเหนือในการเป็นผู้ผลิตและส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้บรรดากองกำลังที่เป็นปฏิปักษ์จะไม่เห็นดีเห็นงามด้วย แต่การพัฒนาด้านอวกาศจะไม่มีวันถูกทอดทิ้ง ไม่ว่าจะมีใครต่อต้านก็ตาม
ศูนย์บัญชาการดาวเทียมแห่งใหม่ที่มีขนาด 13,770 ตารางเมตร จะถูกใช้ฐานสำคัญในการส่งดาวเทียมหลากหลายรูปแบบขึ้นไปทำงานบนอวกาศ
สื่อโสมแดงระบุว่า จะมีการส่งดาวเทียมไปสู่นอกอวกาศเพิ่มมากขึ้นตามเวลาและสถานที่ซึ่งถูกกำหนดโดยพรรคแรงงาน โดยทางผู้นำคิมบอกด้วยว่า โครงการพวกนี้สามารถทำได้ตามสิทธิที่ถูกต้องตามกฏหมาย
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2012 เกาหลีเหนือได้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร โดยอธิบายว่าเป็นโครงการวิทยาศาสตร์เพื่อสันติล้วนๆ
อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติได้ประณามความเคลื่อนไหวครั้งนั้น ว่าเป็นการแอบทดสอบขีปนาวุธระยะไกล ซึ่งเป็นข้อห้ามตามมติของสหประชาชาติ อันเกิดจากการทดสอบนิวเคลียร์ในปี 2006 และ 2009 ของเกาหลีเหนือ
โสมแดง ไม่พอใจสำหรับการคว่ำบาตรของยูเอ็น หลังการส่งดาวเทียมครั้งนั้น จึงได้ดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่สามในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2013
ในปี 2012 การส่งดาวเทียมขึ้นฟ้าของเกาหลีเหนือถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดง ซึ่งก่อนหน้านั้นมักจะถูกมองว่าขาดศักยภาพในการยิงขีปนาวุธระยะไกล
ไม่ค่อยมีข้อสงสัยกันสักเท่าไหร่ ถึงเรื่องที่ว่าเกาหลีเหนือดำเนินโครงการพัฒนาขีปนาวุธระยะไกลหรือไม่ ความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญนั้นหันไปถกกันในเรื่องที่ว่า คืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหนแล้วต่างหาก
นักวิเคราะห์ บอกว่า การพัฒนาที่กำลังดำเนินการอยู่ กับศักยภาพในเรื่องขีปนาวุธระยะไกลที่กำลังเข้าใกล้ระดับเดียวกับสหรัฐฯ จะเท่ากับว่า การเตือนภัยเรื่องการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะต้องจริงจังมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา เกาหลีเหนือยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับใช้ในขีปนาวุธข้ามทวีปที่มีประสิทธิภาพ