เอเอฟพี – สถิติการลักพาตัวในโคลอมเบียลดลงถึง 92% จากเมื่อปี 2000 ซึ่งนับเป็นความเปลี่ยนแปลง “ครั้งยิ่งใหญ่” ในขณะที่รัฐบาลโบโกตาและกองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลอมเบีย (FARC) ก็ได้เริ่มบังคับใช้ข้อตกลงสันติภาพ เพื่อปิดฉากสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่าครึ่งศตวรรษ
โคลอมเบียนั้นได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีคนถูกลักพาตัวมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เฉพาะในปีนี้มีคนถูกอุ้มหายถึง 188 คน ผู้บัญชาการตำรวจ เฟอร์นันโด มูริลโญ ระบุวานนี้ (27 ธ.ค.)
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ถือว่าเป็น “ข่าวดี” สำหรับโคลอมเบีย ซึ่งนักสิทธิมนุษยชนระบุว่ามีคนถูกลักพาตัวสูญหายไปเกือบ 33,000 คนตั้งแต่ทศวรรษ 1970
การลักพาตัวนอกจากจะเป็นกลยุทธ์ในสงครามแล้ว ยังเป็นช่องทางหารายได้ของกลุ่มต่างๆ ที่พัวพันกับเครือข่ายความขัดแย้งอันซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังของรัฐ, กลุ่มติดอาวุธฝ่ายซ้าย, กองกำลังกึ่งทหารฝ่ายขวา และแก๊งค้ายาเสพติด
สถานการณ์ความมั่นคงในโคลอมเบียเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีเมื่อข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัฐบาลและ FARC ซึ่งเป็นเครือข่ายกบฏกลุ่มใหญ่ที่สุดเริ่มมีผลบังคับ หลังใช้เวลาเจรจากันนานถึง 4 ปี
“นี่คือตัวเลขประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นผลมาจากอาชญากรรมที่ลดลง” มูริลโญ บอกกับสถานีวิทยุอาร์ซีเอ็น พร้อมระบุว่า ร้อยละ 88 ของเหตุลักพาตัวที่เกิดขึ้นเป็นอาชญากรรมทั่วไป มีเพียงร้อยละ 11 เท่านั้นที่เป็นฝีมือแก๊งอาชญากร ส่วนอีกร้อยละ 1 เป็นการกระทำของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ (ELN) ซึ่งเป็นกบฏกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง นอกเหนือไปจาก FARC
ตำรวจโคลอมเบียสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลักพาตัวได้ 524 ราย และคืนอิสรภาพให้แก่เหยื่อได้ถึง 57 รายในปีนี้
การสู้รบที่ยาวนานหลายสิบปีคร่าชีวิตชาวโคลอมเบียไปกว่า 260,000 คน และกว่า 60,000 คนถูกขึ้นบัญชี “สูญหาย”
