xs
xsm
sm
md
lg

รบ.โคลอมเบีย-กบฏฟาร์ก บรรลุข้อตกลง “สันติภาพฉบับสมบูรณ์” ยุติสงคราม 50 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ดัก นีลานเดอร์ ผู้แทนรัฐบาลนอร์เวย์ (ซ้าย), อีวาน มาร์เกวซ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของกบฏฟาร์ก (ที่ 2 จากซ้าย), บรูโน โรดริเกวซ รัฐมนตรีต่างประเทศคิวบา (กลาง), อุมเบร์โต เด ลา กาลล์ ผู้แทนเจรจาของรัฐบาลโคลอมเบีย (ที่ 2 จากขวา) และ โรดอลโฟ เบนิเตซ ผู้แทนรัฐบาลคิวบา ร่วมพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพฉบับสมบูรณ์ระหว่างโคลอมเบียกับกบฏฟาร์ก ที่กรุงฮาวานาของคิวบา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.
รอยเตอร์ - รัฐบาลโคลอมเบียและกองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลอมเบีย หรือกบฏฟาร์ก (FARC) บรรลุข้อตกลงสันติภาพฉบับสมบูรณ์เมื่อวันพุธ (24 ส.ค.) ซึ่งทำให้การสู้รบที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ และบั่นทอนเศรษฐกิจโคลอมเบียมานานกว่า 50 ปี ยุติลงอย่างเป็นทางการ

ภายใต้ข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายใช้เวลาเจรจาที่คิวบานานเกือบ 4 ปี กองกำลังกบฏฟาร์กจะยอมวางอาวุธ และกลับมาใช้ชีวิตปกติเยี่ยงพลเรือนทั่วไป

การสู้รบที่ยาวนานหลายสิบปีได้คร่าชีวิตชาวโคลอมเบียไปกว่า 220,000 คน หลายแสนคนถูกขึ้นบัญชี “สูญหาย” และอีกหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นอยู่

ประชาชนในกรุงโบโกตาต่างออกมาเฉลิมฉลองสันติภาพอย่างครึกครื้นตามสวนสาธารณะ และผับบาร์ต่างๆ ทั่วเมืองหลวง

หลังจากนี้ รัฐบาลจะจัดทำประชามติว่าด้วยข้อตกลงสันติภาพกับกบฏฟาร์กในวันที่ 2 ต.ค.

“วันนี้ผมสามารถกล่าวจากก้นบึ้งของหัวใจว่า ผมได้บรรลุภารกิจที่พวกท่านมอบหมายให้ผมทำแล้ว” ประธานาธิบดีฆวน มานูเอล ซานโตส วัย 65 ปี ซึ่งได้รับเลือกเป็นผู้นำโคลอมเบียสมัยที่ 2 นปี 2014 ด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะผลักดันข้อตกลงสันติภาพให้สำเร็จ ระบุ

“ผมขอฝากถึงชาวโคลอมเบียทุกคนว่า บัดนี้การตัดสินใจอยู่ในมือของท่าน ไม่มีครั้งไหนที่พวกเราจะมีโอกาสกำหนดอนาคตของตัวเราเองได้มากเท่าครั้งนี้” ซานโตสแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์

ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ชาวโคลอมเบียส่วนใหญ่ “สนับสนุน” ข้อตกลงยุติสงครามกับกบฏฟาร์ก แต่ก็มีเสียงคัดค้านจากคนบางกลุ่มที่เชื่อว่า การใช้กำลังทหารบดขยี้กบฏฟาร์กให้สิ้นซากคือหนทางเดียวที่จะคืนความสงบมั่นคงให้แก่ประเทศได้อย่างถาวร

ข้อตกลงสันติภาพฉบับนี้ถูกคัดค้านโดยอดีตประธานาธิบดีโคลอมเบียถึง 2 คน รวมถึง อัลวาโร อูริเบ ซึ่งเป็นผู้นำสายขวาจัด

ชาวโคลอมเบียบางคนยังรู้สึกกังขากับเงื่อนไขของข้อตกลงสันติภาพ โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้กบฏฟาร์กเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง โดยไม่ต้องรับโทษจำคุกจากอาชญากรรมร้ายแรงที่ได้ก่อขึ้น

ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ กบฏฟาร์กจะสามารถมีผู้แทนในสภาคองเกรส แต่จะยังไม่มีสิทธิโหวตไปจนถึงปี 2018 หลังจากนั้นอดีตสมาชิกกบฏ 7,000 คนจะต้องเข้าสู่สนามเลือกตั้งและหาเสียงสนับสนุนจากประชาชนเหมือนพรรคการเมืองทั่วไป

ซานโตสระบุว่า ข้อตกลงสันติภาพฉบับสมบูรณ์จะถูกส่งให้สภาคองเกรสพิจารณาในวันนี้ (25 ส.ค.) และจะเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบทางอินเทอร์เน็ต และสื่อสังคมออนไลน์

“เราได้รับชัยชนะที่สวยงามยิ่งกว่าสงครามครั้งใดๆ... การต่อสู้ห้ำหั่นด้วยอาวุธสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากนี้เราจะเริ่มนำแนวคิดมาอภิปรายกัน” อีวาน มาร์เกวซ หัวหน้าผู้แทนเจรจาของกบฏฟาร์ก ให้สัมภาษณ์หลังการแถลงข่าวที่กรุงฮาวานาของคิวบา

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้ต่อโทรศัพท์พูดคุยกับ ซานโตส เมื่อวานนี้ (24) เพื่อแสดงความยินดีกับรัฐบาลโคลอมเบีย

กบฏฟาร์กลุกขึ้นจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลตั้งแต่ปี 1964 เนื่องจากไม่พอใจปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ นักรบเหล่านี้แสวงหาเงินทุนจากการค้าโคเคนและจับตัวประกันเรียกค่าไถ่ โดยในช่วงปลายทศวรรษ 1990 กบฏฟาร์กมีสมาชิกมากถึง 17,000 คน และมีอิทธิพลควบคุมดินแดนส่วนใหญ่ในโคลอมเบีย

ในปี 2002 รัฐบาลอูริเบซึ่งได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ ได้ลงมือกวาดล้างกบฏฟาร์กอย่างจริงจัง โดยสังการแกนนำกบฏและพวกนักรบล้มตายไปกว่าครึ่ง

การบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับกบฏฟาร์กยังไม่อาจการันตีได้ว่าเหตุรุนแรงทางการเมืองในโคลอมเบียจะยุติลง เนื่องจากการเจรจากับกองทัพปลดแอกแห่งชาติ (National Liberation Army) ซึ่งเป็นกบฏกลุ่มใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ยังไม่มีความคืบหน้า



กำลังโหลดความคิดเห็น